top of page
GDN 980 x 120 psychiatrist.jpg

12 วิธีฝึกคิดบวก ไม่ได้ยากอย่างที่คิด


“Positive thinking is more than just a tagline. It changes the way we behave. And I firmly believe that when I am positive, it not only makes me better, but it also makes those around me better”.

- Harvey Mackey

การคิดบวกมันมากกว่าแค่สโลแกน มันเปลี่ยนพฤติกรรมของเรา และฉันเชื่ออย่างยิ่งว่า เมื่อเราคิดบวก มันไม่ได้แค่ทำให้เราดีขึ้น แต่มันทำให้คนรอบๆ ตัวเราดีขึ้นด้วย

- Harvey Mackey

เชื่อว่าหลายๆ คน คงจะถูกบอกว่าให้มองโลกในแง่บวกกันมาเยอะมาก การมองโลกในแง่บวกส่งผลดีหลายๆ อย่างต่อสุขภาพของจิตใจเรา คนเราจะมีกำลังในการต่อสู้กับปัญหาและดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างดี เพราะพวกเขามีความหวัง และความหวังนั้นก็เกิดจากการคิดบวกนั่นเอง


เมื่อเราอยู่ในสถานการณ์ปกติ ชีวิตไม่ได้ประสบปัญหาอะไร การคิดบวกก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่เมื่อใดก็ตามที่เรากำลังเผชิญกับบททดสอบในชีวิต มีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นกับเรามากมาย จนทำให้เราเซและล้มลง การคิดบวกดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่เราจะสามารถทำได้อีกต่อไป


แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าชีวิตเราจะกำลังเผชิญปัญหามากมายแค่ไหน เรายังคงสามารถคิดบวกได้ วันนี้แพรมีเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณสามารถคงความคิดเป็นบวกได้อยู่ เมื่อเจอสถานการณ์ที่ยากลำบาก มาฝากกันทั้งหมด 12 ข้อค่ะ


1. พยายามมองหาข้อดีในเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้น

ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นมันจะมีสองด้านเสมอ เพียงแต่ว่าเราจะตีความมันอย่างไร ตัวอย่างเช่น การที่เราถูกคนรักทิ้งเราไป เรารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา แต่อันที่จริงแล้วถ้าเราพยายามมองถึงข้อดีที่เกิดขึ้นในสถานการณ์นี้ มันอาจจะเป็นเวลาที่เราจะได้กลับมาอยู่กับตัวเองอีกครั้ง ค้นพบในสิ่งที่เราชอบ ตัวตนของตัวเองอย่างแท้จริงและปฏิวัติชีวิตใหม่ เพื่อให้เราเป็นคนที่มีศักยภาพสูงที่สุดก็ได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดเรื่องราวเลวร้ายแค่ไหนในชีวิตเรา ให้ถามตัวเองว่า เราได้อะไรบ้างที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตเราจากเรื่องนี้


2. สร้างสิ่งแวดล้อมที่เป็นบวก

คนที่อยู่รอบตัวเรามีอิทธิพลอย่างมากต่อความคิดความรู้สึกของเรา ดังนั้นการเลือกคบคนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เราควรที่จะเลือกคบคนที่มีความคิดเป็นบวกมีความคิดก้าวหน้าที่จะนำพาชีวิตเราไปในทิศทางที่ดี นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงสื่อต่าง ๆ ที่เราเสพ ถามตัวเองว่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เราเสพนั้นมีผลดีอย่างไรกับชีวิตเรา ถ้าหากมันทำให้เรามีความคิดลบ ๆ ก็ปิดช่องทางการรับสื่อนั้น ๆ เสีย


3. ใช้ชีวิตให้ช้าลง

บางครั้งในการที่เราทำอะไรเร็วเกินไป เราอาจจะตัดสินใจผิดพลาด ใช้สัญชาตญาณมากกว่าสติ เพื่อพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ให้ถี่ถ้วนก่อนที่จะตัดสินใจ การที่เราใช้ชีวิตให้ช้าลงสักหน่อย จะช่วยทำให้ทั้งใจและกายของเราสงบลงเช่นกัน


4. อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่

ในบางครั้งเราเอาทุกเรื่องมาใส่ใจและให้ความสำคัญกับมันมากเกินไป ผู้เขียนเคยอ่านในหนังสือเรื่อง the magic of thinking big ซึ่งมีตอนหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า ให้เราถามตัวเองว่า เรื่องนี้มันมีความสำคัญกับเราขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ ก่อนที่เราจะมีปฏิกริยาตอบสนองกับสิ่งนั้น ให้เราโฟกัสไปที่เป้าหมายที่เราต้องการ แทนที่จะใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ


ตัวอย่างเช่น เราต้องการที่จะได้สัญญาที่ลูกน้องลงนาม แต่กว่าที่จะได้มาต้องผ่านการติดต่อประสานงานกับคนที่ไม่มีความรับผิดชอบ ทำให้เรารู้สึกหงุดหงิด แทนที่จะเอาเรื่องนั้น ๆ มาใส่ใจ และคิดต่อไปต่าง ๆ นานา ให้โฟกัสในจุดประสงค์และเป้าหมายที่เราต้องการจะได้สิ่งนั้น ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็พยายามอย่าเก็บมันเอามาใส่ใจให้มากนัก เป็นต้น


5. คิดดีและทำดีกับคนอื่น

หากเรายิ้มให้คนอื่นเขาก็จะยิ้มกลับให้เรา คิดกับคนอื่นในแง่ดีเสมอ ๆ และสิ่งดี ๆ ก็จะกลับมาสู่ตัวเราเช่นกัน


6. ใช้ชีวิตที่ดี

การใช้ชีวิตที่ดีคือการดูแลเอาใจใส่ทั้งสุขภาพกายและใจ โดยการนอนหลับให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์และออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ หากเราสามารถรักษาคุณภาพชีวิตที่ดีไว้ได้แล้ว ความรู้สึกหงุดหงิด ขุ่นข้องหมองใจ ก็จะลดน้อยลงไปด้วย


7. เรียนรู้ที่จะรับฟังคำวิพากวิจารณ์

คนเราหนีไม่พ้นคำวิพากวิจารณ์จากคนอื่น ซึ่งบ่อยครั้งอาจทำให้เรารู้สึกไม่ดี เราควรเรียนรู้ที่จะรับมือกับมัน โดยการพิจารณาว่า คำวิพากวิจารณ์ที่เกิดขึ้นนั้น มันจะช่วยให้เราปรับปรุงตัวเราให้เป็นคนที่ดีขึ้นได้หรือไม่ หากคำวิพากวิจารณ์นั้น ๆ ไม่เป็นความจริง ก็ให้ทำความเข้าใจว่า คนที่พูด เขาอาจจะอยู่ในภาวะอารมณ์ที่ไม่ปกติ แล้วก็อย่าไปเอาเรื่องราว นั้น ๆ มาใส่ใจให้มากมายนัก


8. เริ่มต้นวันใหม่ด้วยใจที่เป็นบวก

ในแต่ละวัน การเริ่มต้นวันใหม่โดยนำพลังงานบวกเข้าตัว เป็นการเริ่มต้นที่ดีมาก เราอาจจะเริ่มต้นด้วยการ นั่งสมาธิเพื่อเคลียร์จิตใจให้ปลอดโปร่ง วางแผนการทำงานในแต่ละวัน รับประทานอาหารเช้าที่เป็นประโยชน์ เป็นต้น ซึ่งการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยสิ่งดี ๆ จะช่วยให้วันนั้นของคุณเป็นวันที่ดี มากกว่าจะเริ่มต้นด้วยความหงุดหงิด ขุ่นข้องหมองใจ


9. ฝึกเจริญสติตลอดทั้งวัน

การที่เราสามารถรู้เท่าทันความคิดความรู้สึกของเรา จะทำให้เราสามารถใช้ชีวิตไปในทางที่เราต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวเรามีความสามารถในการจัดการกับสิ่งต่าง ๆ เหนืออารมณ์ความรู้สึกชั่วคราวที่เกิดขึ้นกับเรา


10. โฟกัสในเรื่องราวดีๆ

ในแต่ละวัน มีทั้งเรื่องที่ดีและเรื่องที่ไม่เป็นไปอย่างที่ใจเราต้องการเกิดขึ้นเสมอ ๆ แทนที่เราจะไป โฟกัสกับเรื่องราวที่ไม่ได้ดั่งใจ ให้เราโฟกัสและรู้สึกขอบคุณกับเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันของเราแทน


11.สร้างอารมณ์ขันกับเรื่องราวแย่ๆ ที่เกิดขึ้น

บางครั้งการมองเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้เป็นเรื่องตลกก็สามารถช่วยเราเราได้มาก ไม่ว่าเหตุการณ์ใดก็ตาม หากเราผ่านไปได้ เมื่อเรามองย้อนกลับมา มันอาจจะเป็นแค่เรื่องตลกเรื่องหนึ่งเท่านั้นก็ได้


12. เรียนรู้จากปัญหาที่เกิดขึ้น

สิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นมาแล้วสิ่งนั้นดีเสมอ ทุกเรื่องราวเกิดขึ้นเพื่อนำพาตัวเราไปยังจุดที่สูงที่สุดเสมอ เพียงแต่ว่าเราจะสามารถเรียนรู้ และจัดการกับมันได้หรือไม่ ดังนั้นหากเรากำลังประสบกับปัญหา แทนที่จะนั่งกร่นด่าโทษโชคชะตาหรือสิ่งรอบตัว ให้เราจัดการกับปัญหาด้วยสติปัญญาและเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อทำให้เราสามารถจัดการกับชีวิตของเราให้ดีขึ้นต่อไปในวันข้างหน้า

 

iSTRONG Mental Health

ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร


บริการของเรา

สำหรับบุคคลทั่วไป

  • บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa  

  • คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS 

สำหรับองค์กร

โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong

Comments


facebook album post - square (1).png
1.พวกหลีกเลี่ยงความผูกพัน (2).png
บทความล่าสุด
bottom of page