top of page

4 จุดแข็งที่จะช่วยคุณสามารถให้ข้ามผ่านวัยเด็กที่ไม่ราบรื่นไปได้

Updated: Apr 1

iSTRONG 4 จุดแข็งที่จะช่วยคุณสามารถให้ข้ามผ่านวัยเด็กที่ไม่ราบรื่นไปได้

อย่างที่หลายคนคงจะทราบกันดีแล้วว่า ‘การมีวัยเด็กที่ไม่ราบรื่น’ สามารถส่งผลกระทบทางลบต่อชีวิตในอนาคตได้ แต่หากสังเกตจากหลาย ๆ คนก็จะพบว่ามีบางคนที่เติบโตได้อย่างมีสุขภาวะที่ดีแม้ว่าจะมีวัยเด็กที่ไม่ราบรื่นก็ตาม ในบทความนี้ผู้เขียนได้หยิบยกข้อมูลมาจากบทความของเว็บไซต์ Psychology Today


ซึ่งกล่าวถึงสิ่งที่ช่วยให้คนเราสามารถข้ามผ่านวัยเด็กที่ไม่ราบรื่น (Rough Childhood) ไปได้ โดยอ้างอิงมาจากงานวิจัยเชิงคุณภาพที่มีชื่อว่า “Adults with a child maltreatment history: Narratives describing individual strengths that promote positive wellbeing” โดย Janet U. Schneiderman และคณะ


ซึ่งคณะผู้วิจัยใช้วิธีวิเคราะห์ผลแบบ identifying themes และได้ผลออกมามีด้วยกัน 4 themes แต่ละ themes สะท้อนถึงจุดแข็งของผู้เข้าร่วมการวิจัยวัยผู้ใหญ่ (จำนวน 21 คน) ได้แก่ 


1.การมีมุมมองที่ดีต่อตนเอง (Seeing oneself in a good light)

  • การมองเห็นคุณค่าของตนเอง (self-worth) 

    ผู้เข้าร่วมการวิจัยได้บรรยายว่าพวกเขามองเห็นคุณค่าของตนเองผ่านความสำเร็จในการเรียน การทำงาน และชีวิตส่วนตัว ซึ่งผู้เข้าร่วมบางคนเล่าถึงประสบการณ์ของตนเองว่าเขาต้องเอาชนะอุปสรรคและความรู้สึกของตัวเองบางอย่างด้วยความขยัน


  • บทบาทของการเป็นผู้ให้

    ผู้เข้าร่วมการวิจัยหลายคนเคยแบ่งปันประสบการณ์ของตนเอง ให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงิน ทำงานจิตอาสาเพื่อช่วยเหลือคนที่ประสบปัญหา 

 

2.เคลื่อนชีวิตไปข้างหน้า (Moving forward)

  • ปล่อยอดีตให้มันผ่านไป 

    โดยเลือกที่เปลี่ยนตัวเองและให้อภัยคนที่เคยทำร้ายพวกเขา โดยบางคนเล่าว่าเขาเลือกที่จะเป็นผู้รอดชีวิตแทนที่จะเป็นเหยื่อและแบ่งปันประสบการณ์ให้คนอื่นได้รู้ว่าเขาทำอย่างไรถึงสามารถมีชีวิตที่ดีอย่างในวันนี้ได้ 


  • กำหนดอนาคตให้กับตัวเอง

    โดยทำการวางแผนชีวิตเองทั้งในด้านการศึกษา อาชีพการงาน การเงิน และการท่องเที่ยว  


3.รับมือกับชีวิต (Coping with life)

  • รู้จักขอบเขต (Boundaries)

    ของตัวเอง รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรจะถอยห่างจากผู้คนหรือสถานการณ์ที่มัน toxic น่าสะพรึงกลัว หรือเป็นอุปสรรคในการเติบโต ซึ่งโดยมากก็มักจะเกี่ยวโยงกับเพื่อนและครอบครัว คนที่รู้จักขอบเขตของตัวเองก็จะรู้ว่าการทำสิ่งใดมันจะเป็นการปกป้องตัวเองและเลือกว่ามีใครบ้างที่จะให้เข้ามาในชีวิต


  • มีตารางกิจวัตร (Routines)

    ไม่ว่ามันจะเป็นตารางที่สร้างขึ้นมาเองหรือตารางที่จัดขึ้นมาโดยคนอื่น (ยกตัวอย่างเช่น ตารางเรียน ตารางการทำงาน) ซึ่งพบว่าผู้เข้าร่วมการวิจัยมักจะมีความต้องการที่จะรู้ล่วงหน้าชัดเจน โดยเฉพาะความคาดหวังของคนอื่น


  • พึ่งพาตนเองได้ (Self-sufficiency)

    ผู้เข้าร่วมการวิจัยมีลักษณะไม่พึ่งพิงคนอื่น มีความยืนหยัดที่จะไปให้ถึงเป้าหมายของตัวเอง และชอบที่จะมีอิสระ

  

4.สร้างความหมาย (Meaning-making)

  • การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม 

    มีข้อมูลที่พบว่าผู้เข้าร่วมการวิจัยได้รับผลกระทบทางลบในด้านความสัมพันธ์ทั้งกับคนในครอบครัวและกับคนอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นจากการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม แต่ผู้เข้าร่วมการวิจัยคนหนึ่งได้สะท้อนขึ้นมาในการสัมภาษณ์ว่า “คุณคงจะเคยเห็นคนที่เจอเรื่องราวแย่กว่าฉัน พวกเขาก็ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้น ฉันจะไม่เป็นไร”


  • ครอบครัวอุปถัมภ์

    ผู้เข้าร่วมการวิจัยแต่ละคนมีประสบการณ์ที่ต่างกันไป โดยพบว่าบางคนมีมุมมองต่อครอบครัวอุปถัมภ์ในแง่ของการสร้างความหมายด้วยความรู้สึกขอบคุณต่อคนที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือแก่พวกเขา 


  • ความกระจ่างเข้าใจ (insight) ส่วนตัว

    จากข้อมูลที่ผู้เข้าร่วมการวิจัยสะท้อนขึ้นมาพบว่าพวกเขาต้องการที่จะมีความสุขและรู้สึกขอบคุณสิ่งที่ตัวเองมี ซึ่งเกิดขึ้นมาจากการที่พวกเขาปรับได้และเกิดความเข้าใจว่าทุกคนบนโลกนี้เปลี่ยนแปลงได้


แม้ว่าข้อมูลที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นจะได้มาจากงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่มีผู้เข้าร่วมการวิจัย 21 คน ซึ่งไม่สามารถนำมาสรุปแบบเหมารวมได้ว่าทุกคนจะต้องเป็นเช่นนั้น  แต่มันก็พอจะเป็นหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าถึงแม้จะมีวัยเด็กที่ไม่ราบรื่นก็สามารถก้าวข้ามช่วงเวลาเลวร้ายและมีชีวิตที่ดีได้เหมือนกัน และแม้ว่าคุณจะไม่ได้มีประสบการณ์เชื่อมโยงกับผู้เข้าร่วมการวิจัย เช่น เคยมีครอบครัวอุปถัมภ์


แต่อย่างน้อยข้อมูลจากบทความต้นฉบับก็ได้ช่วยย้ำเตือนให้เห็นว่า “คนเราสามารถดูดซับพลังลบแล้วแปลงให้มันกลายออกมาเป็นพลังบวกได้” ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเรื่อง “พลังอึดฮึดสู้ (resilience)” ที่จำเป็นต้องอาศัยสถานการณ์ที่ยากลำบากเพื่อเข้ามากระตุ้นให้เกิดพลังอึดฮึดสู้


อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจุดแข็งทั้ง 4 อย่างและพลังอึดฮึดสู้จะมีความเป็น “ทักษะ” ที่ดูเหมือนสร้างขึ้นมาได้เอง แต่ในอีกแง่มันก็มีความเป็น “คุณลักษณะ” ที่บางคนมีติดตัวมาพร้อมกับพื้นอารมณ์ (temperament) ของตนเอง ดังนั้น หากคุณมีความยากลำบากในการก้าวข้ามปัญหาชีวิตไปได้โดยลำพังก็สามารถหาตัวช่วยด้วยการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอความช่วยเหลือได้เสมอนะคะ 

 

iSTRONG Mental Health

ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร


บริการของเรา

สำหรับบุคคลทั่วไป

  • บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa  

  • คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS 

สำหรับองค์กร

โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong

 

บทความที่เกี่ยวข้อง


อ้างอิง:

[1] 4 Strengths That Help People Overcome a Rough Childhood. Retrieved from https://www.psychologytoday.com/us/blog/head-games/202312/overcoming-a-difficult-past-4-key-strengths

[2] Adults with a child maltreatment history: Narratives describing individual strengths that promote positive wellbeing. Retrieved from https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S014521342300114X?via%3Dihub

 

ประวัติผู้เขียน

นิลุบล สุขวณิช (เฟิร์น) มีประสบการณ์ทำงานเป็นนักจิตวิทยาการปรึกษาในมหาวิทยาลัยและเป็นวิทยากรเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิต/การพัฒนาตนเองให้แก่นักศึกษาเป็นเวลา 11 ปี ปัจจุบันเป็นแม่บ้านในอเมริกาที่มีความสนใจเกี่ยวกับ childhood trauma และยังคงมีความฝันที่จะสื่อสารกับสังคมให้เกิดการตระหนักเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิต 

Nilubon Sukawanich (Fern) has work experiences as a counseling psychologist and speaker in university for 11 years. Currently occupation is a housewife in USA who keep on learning about childhood trauma and want to communicate to people about mental health problems awareness. 


iSTRONG ผู้ให้บริการด้านสุขภาพจิต Solutions ด้านสุขภาพจิต ให้คำปรึกษาโดยนักจิตวิทยา นักจิตบำบัด นักจิตวิทยาคลินิกที่มีใบรับรอง รวมถึงบทความจิตวิทยา

© 2016-2025 Actualiz Co.,Ltd. All rights reserved.

contact@istrong.co                     Call 02-0268949

  • Facebook Social Icon
  • YouTube Social  Icon
  • Instagram
  • Twitter
bottom of page