

พูดให้เป็น ฟังให้ลึกซึ้ง : ทักษะจิตวิทยาที่คนทำงานควรรู้
หลายคนคงคุ้นกับบทสนทนาแบบนี้ บทสนทนาจากคนใกล้ตัวที่ว่าคนใกล้ตัวระบายว่าเหนื่อย เครียด รู้สึกโดดเดี่ยว แล้วเราตอบไปว่า “สู้ ๆ นะ เดี๋ยวก็ผ่านไป” แต่ผลลัพธ์คือความเงียบ ความสัมพันธ์แข็งตัว และปัญหาเดิมยังอยู่ครบ ไม่ใช่เพราะเราไม่หวังดี แต่เพราะเรา “พูด” แบบให้กำลังใจเร็วเกินไป และอาจ “ฟัง” ไม่ลึกพอจะสัมผัสความรู้สึกจริงของเขาได้


HR ที่พนักงานไม่กล้าเข้าใกล้ จะเป็น “ที่พึ่งทางใจ” ได้อย่างไร
หลายองค์กรมักมีหัวหน้าที่เก่งมากในเชิงงาน วางแผนเก่ง แก้ปัญหาเฉียบขาด แต่สิ่งสำคัญอย่างนึงที่ขาดไปคือ “ทักษะด้านคน” ผลที่ตามมาคือทีมทำงานด้วยความกลัว ไม่ใช่ด้วยความสมัครใจ และนั่นอาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานและประสิทธิภาพขององค์กรลดลงในระยะยาวได้เลย


ผู้นำเก่งงาน ไม่เก่งใจ เทคนิคจิตวิทยา ทำอย่างไรให้ได้หัวใจทีม
หลายองค์กรมักมีหัวหน้าที่เก่งมากในเชิงงาน วางแผนเก่ง แก้ปัญหาเฉียบขาด แต่สิ่งสำคัญอย่างนึงที่ขาดไปคือ “ทักษะด้านคน” ผลที่ตามมาคือทีมทำงานด้วยความกลัว ไม่ใช่ด้วยความสมัครใจ และนั่นอาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานและประสิทธิภาพขององค์กรลดลงในระยะยาวได้เลย


ฉันทำงานไปเพื่ออะไร? เข้าใจจิตวิทยายุคใหม่ ที่จะช่วยให้ชีวิตมีความหมาย
หลายคนตื่นเช้าไปทำงาน ฝ่ารถติด เข้าประชุม วนอยู่กับ Deadline แล้วกลับบ้านด้วยความเหนื่อยล้า แต่ลึก ๆ ในใจกำลังถามว่า “ฉันทำงานทั้งหมดนี้ไปเพื่ออะไร?”
ใช่ค่ะ เงินเดือนคือสิ่งที่เราต้องการ แต่ถ้าทุกวันมีเพียงแค่นั้น ความรู้สึกว่างเปล่าก็จะค่อย ๆ กัดกินหัวใจ คนทำงานจำนวนไม่น้อย ไม่ได้หมดแรงเพราะ “งานเยอะ” แต่หมดไฟเพราะ “ไม่เห็นความหมาย” ของสิ่งที่ทำ เมื่อความหมายหายไป แรงบันดาลใจก็หายไปด้วย ทำให้ชีวิตการทำงานกลายเป็นเพียงการ “อยู่รอด” ไม่ใช่การ “เติบโต” ค่ะ


พนักงานลาออกเพราะ "คน" ไม่ใช่แค่ "งาน" HR ต้องเข้าใจจิตวิทยาถึงจะรักษาคนอยู่
คนลาออกเพราะความสัมพันธ์ ไม่ใช่เพราะงาน เคยสังเกตไหมคะว่าพนักงานส่วนใหญ่ไม่ได้ลาออกเพราะ “งานมันยากเกินไป” แต่ลาออกเพราะ “ทำงานกับคนที่ไม่โอเค” บางคนเก่งมาก แต่ทนหัวหน้าที่สื่อสารไม่ดีไม่ได้ บางคนมีศักยภาพสูง แต่หมดไฟเพราะทีมไม่ฟังกัน สุดท้าย HR ต้องเจอกับตัวเลข Turnover ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่องค์กรพยายามปรับสวัสดิการ ปรับเงินเดือนแล้ว ทำทุกวิธีก็แล้ว แต่กลับไม่ได้ผล


เป็นหัวหน้าที่ลูกน้องไม่เปิดใจ? 6 เทคนิคจิตวิทยา สู่การเป็นผู้นำที่คนไว้ใจ
ประชุมทีไรเงียบ ลูกน้องไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ความเงียบเหล่านี้ ไม่ได้แปลว่าทีม “โอเค” แต่แปลว่าพวกเขา “ไม่กล้า” และ “ไม่ไว้ใจ” มากพอที่จะพูดกับหัวหน้า และนี่คือสัญญาณอันตรายสำหรับผู้นำ เพราะมันหมายความว่า คุณกำลัง “ขาดข้อมูลจริง” ที่จะทำให้องค์กรเติบโต


ออฟฟิศเต็มไปด้วยดราม่า? เข้าใจ 6 เทคนิคจิตวิทยาที่จะช่วยให้คุณรอด
เมื่อดราม่าในออฟฟิศทำให้คุณหมดแรง หลายคนอาจคิดว่า “ทำงานเก่งก็พอแล้ว” แต่ความจริงไม่ใช่เลย เพราะสิ่งที่ทำให้พนักงานรู้สึกเหนื่อยล้ามากกว่างาน ก็คือ “คน” และ “ดราม่า” ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้


ชีวิตติดดราม่า เพราะคุณเล่นเกมจิตวิทยาอยู่ทุกวันเปลี่ยน Drama เป็น Empowerment ได้ด้วย TA
เคยนั่งคิดกันไหมคะ ว่าหลายๆ เรื่องในชีวิตทำไมถึงมีปัญหาเหมือนเดิมซ้ำ ๆ และเคยไหม…ตั้งใจว่าจะพูดคุยดี ๆ แต่สุดท้ายกลายเป็นทะเลาะ เคยบอกตัวเองว่าจะ “ไม่ยอมโดนเอาเปรียบอีก” แต่พอถึงเวลา กลับเงียบและปล่อยผ่านเหมือนเดิม
หรือบางครั้งเราก็เผลอ “ช่วยทุกเรื่อง” จนกลายเป็นคนที่รับภาระของทุกคน จนหมดแรงไปเอง ทำให้บางทีเราคงจะรู้สึกเหนื่อยมากๆ เลยใช่ไหมคะ


จัดการเกมดราม่าพนักงาน ด้วยจิตวิทยาปิดเกมพิษสำหรับ HR
ในฐานะ HR หรือฝ่ายบุคคล คุณคงเคยเผชิญกับสถานการณ์ที่พนักงานในองค์กรเริ่มมีความขัดแย้งกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยข่าวลือซุบซิบนินทา ทำให้เพื่อนร่วมงานเสียหน้า หรือการสร้างสถานการณ์เพื่อให้ตัวเองดูเหนือกว่า ปัญหาเหล่านี้ดูเหมือนเล็ก แต่กลับบั่นทอนความไว้วางใจในทีมและทำลายบรรยากาศการทำงานในระยะยาวมากๆ เลยค่ะ


ทำงานเก่ง แต่พูดแล้วไม่มีใครฟัง คุณอาจติดกับดักการสื่อสารแบบ ‘Child State’
คุณอาจเริ่มคิดว่า “ทำไมเขาไม่เห็นค่าฉัน” หรือ “นี่ฉันไม่มีบารมีพอจะให้คนฟังเหรอ” ความจริงแล้ว ปัญหาอาจไม่ใช่เนื้อหาที่คุณพูด หรือความสามารถที่คุณมี แต่อยู่ที่ “วิธีการสื่อสาร” ที่ส่งสัญญาณบางอย่างให้คนฟัง “ปิดใจ” โดยที่คุณเองก็ไม่รู้ตัว สัญญาณนี้ มักเกี่ยวข้องกับสภาวะทางจิตใจที่เรียกว่า “Child State”
