ชีวิตเรากำลังไปทางไหน? เมื่อความหมายในงานเริ่มหาย และหาเป้าหมายในชีวิตไม่เจอ
- iStrong team
- 5 days ago
- 2 min read

คุณเคยมีช่วงแบบนี้ไหม…
ทำงานทุกวันเหมือน “ตั้งเครื่องอัตโนมัติ” แต่ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองกำลัง “เติบโต”
มีเงิน มีงาน มีสถานะ แต่ในใจกลับรู้สึกว่างเปล่า ไม่ได้รู้สึกภูมิใจอะไรเป็นพิเศษ
ความเหนื่อยเริ่มไม่ได้มาจากงาน แต่มาจาก “คำถามที่หาคำตอบไม่ได้”
นี่คือชีวิตที่เราอยากใช้จริง ๆ หรือเปล่า?
หลายคนเล่าให้ฟังว่า “ไม่ใช่ว่าฉันเกลียดงาน แต่ฉันไม่รู้ว่าฉันทำงานไปเพื่ออะไร…”
มันคล้าย ๆ ความสับสนที่เจอในช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิตตอนมหาลัย → เข้าวัยทำงานตำแหน่งแรก → ตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้นอายุ 20 ปลาย ๆ → 30 กลาง ๆ และความรู้สึกนี้ไม่ได้เกิดจาก “งานไม่ดี” เสมอไป แต่เกิดจาก การที่เราโตขึ้นไวกว่าใจตามทัน
เรามีความรับผิดชอบมากขึ้น แต่ “ความหมายของชีวิต” ไม่ได้ขยายตาม ยิ่งนานเข้า คำถามก็ยิ่งหนักขึ้นเรื่อย ๆ
“ฉันกำลังเสียเวลาชีวิตไปหรือเปล่า?”
“ฉันควรทำงานแบบนี้ต่อไปไหม?”
“สิ่งที่ทำมันมีความหมายไหม หรือแค่ทำเพราะต้องทำ?”
“ตัวตนของฉันคือใคร? ฉันอยากเป็นแบบไหนกันแน่?”
หลายคนเรียกภาวะนี้ว่า Mid-career Void หรือ “หลุมอากาศกลางชีวิตการทำงาน” ไม่ถึงขั้น Burnout แต่ทำให้รู้สึกขาดแรงจูงใจอย่างบอกไม่ถูก และที่น่ากลัวคือ…ยิ่งเราพยายามไม่คิด ยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังไหลไปเรื่อย ๆ แบบไม่มีทิศทาง
บางคนอาจเริ่มเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นบางคนเริ่มรู้สึกผิดที่ “ยังหาความหมายของตัวเองไม่เจอ” บางคนเริ่มทำงานน้อยลง แต่เหนื่อยมากขึ้นบางคนเริ่มเก็บตัว เงียบลง ไม่ค่อยมีไฟ ไม่ค่อยพูด ที่สุดก็เริ่มไม่มั่นใจในตัวเองไปด้วย
นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ มันคือสัญญาณธรรมดามากของมนุษย์ที่กำลังเติบโตและกำลัง “อัปเดตตัวเอง” จากเวอร์ชันเดิมไปสู่เวอร์ชันใหม่ที่มีคุณค่าต่อใจมากกว่าเดิม
ความหมายชีวิตไม่ได้หายไป มันแค่ต้อง “ขุด” ใหม่
ความหมายของงานไม่ได้มาจากตำแหน่ง เงินเดือน หรือความสำเร็จเพียงอย่างเดียวแต่มาจาก 3 แกนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับ “ตัวตนด้านใน” ของเรา
ความหมายที่มาจากตัวตน (Meaning from Identity)
คนเราจะรู้สึกมีคุณค่าเมื่อรู้ว่า “สิ่งที่ฉันทำ สอดคล้องกับตัวตนของฉัน” แต่เมื่อโตขึ้น บทบาทเพิ่มขึ้น ตัวตนเรามักเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัวทำให้เกิดรอยแยกระหว่าง “งานที่ทำ” กับ “ตัวตนที่อยากเป็น” ยิ่งช่องว่างนี้กว้าง ความหมายก็ยิ่งหายไป
ความหมายที่มาจากการเชื่อมโยง (Meaning from Connection)
มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่ต้องการรู้สึกว่าสิ่งที่ฉันทำ มีผลดีต่อคนสักคน ไม่ว่าจะเป็นทีม คนในบ้าน ลูกค้า หรือแม้กระทั่งตัวเองในอนาคตเมื่อเราสูญเสียความเชื่อมโยงนี้งานก็จะเหลือเพียง “ภาระที่ต้องทำให้เสร็จ”
ความหมายที่มาจากการเติบโต (Meaning from Growth)
การได้พัฒนาบางอย่างในตัวเองไม่ว่าจะเป็นทักษะ การมองโลก หรือความนิ่งของใจล้วนสร้างความหมายได้ลึกกว่าความสำเร็จภายนอกหลายเท่า หลายครั้งสิ่งที่หายไปไม่ใช่ Passion แต่คือโอกาสได้เติบโตในแบบที่ “ตัวเราต้องการ” ต่างหาก
3 วิธีดึงความหมายในงานกลับมา (แบบใช้ได้จริง)
กลับไปฟังตัวเอง อย่างจริงจัง
ถามตัวเองด้วยคำถามง่าย ๆ แต่ทรงพลัง
ฉันอยากให้ชีวิตฉันมีคุณค่าในแบบไหน?
อะไรที่ทำแล้วรู้สึก “เป็นตัวเองที่สุด”?
ฉันอยากเก็บอะไรไว้เป็นมรดกจากชีวิตนี้?
คำตอบไม่ต้องสวย ไม่ต้องถูกแต่ต้อง “จริง”
มองหาความเชื่อมโยงเล็ก ๆ ในแต่ละวัน
งานจำนวนมากไม่ได้ขาดความหมายเราแค่ “ไม่ทันเห็นมัน” ลองถามตัวเองว่า
วันนี้ฉันช่วยให้ใครบางคนสบายใจขึ้นไหม?
งานวันนี้มีส่วนสร้างอะไรให้คนอื่นบ้าง?
ฉันได้ใช้ทักษะดี ๆ ที่ฉันมีหรือเปล่า?
ความหมายไม่ได้หายไปมันแค่ซ่อนอยู่ในรายละเอียดเล็ก ๆ
เติมความเติบโตให้ชีวิตในแบบที่ตัวเองเลือก
ความหมายจะกลับมาทันทีถ้าเรารู้สึกว่าตัวเอง “กำลังพัฒนาไปสู่คนที่อยากเป็น” อาจเป็นการเรียนรู้ทักษะใหม่การเข้าใจความรู้สึกของคนที่เรารักหรือการพัฒนาความนิ่ง ความมั่นคงทางใจ การเติบโตภายในคือสิ่งที่สร้างความหมายได้ลึกที่สุด
ตัวอย่าง Case Study
Case ที่ 1 : ผู้จัดการที่เก่งงาน แต่เริ่มไม่รู้สึกภูมิใจอะไรเลย
คุณโอม อายุ 34 เป็นผู้จัดการทีมที่ผลงานดีมาตลอด แต่ช่วงปีที่ผ่านมาเขาเริ่มรู้สึกว่า “มันไม่ใช่ชีวิตที่อยากใช้” ทั้งที่งานดี หัวหน้าดี ทีมดี รายได้ดี ระหว่างคุยกัน เขาพูดว่า “ผมทำได้ แต่ผมไม่ได้รู้สึกว่าเป็นผม”
เมื่อสำรวจลึกลงไป สิ่งที่เขาโหยหาจริง ๆ คือการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ “การช่วยคน”และอยากมีบทสนทนาที่มีความหมายมากขึ้นในทีม เขาไม่ได้เกลียดงานเขาแค่กำลังเปลี่ยนไปและต้องการการเติบโตอีกรูปแบบหนึ่ง
Case ที่ 2 : พนักงานที่ทำงานหนัก จนลืมถามตัวเองว่าอยากได้อะไร
คุณแป้ง อายุ 29 ทำงานหนักทุกวันจนเริ่มรู้สึกเหมือนเครื่องจักร เธอรู้สึกเหนื่อยแบบไม่มีเหตุผลชัดเจน ตอนถามว่า “อะไรทำให้คุณรู้สึกมีความหมาย?”
เธอเงียบไปนานมาก แล้วตอบว่า “ฉันไม่แน่ใจว่าฉันอยากได้อะไรแล้ว…” ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือความสัตย์จริงเราทุกคนเคยมีช่วงที่หลงทางและการกลับมาฟังตัวเอง คือจุดเริ่มต้นของความหมายเสมอ
Case ที่ 3 : คนที่คิดว่าหาความหมายจากงานไม่ได้ จนเข้าใจตัวเองใหม่ทั้งหมด
คุณตาล อายุ 41 เคยรู้สึกว่าตัวเอง “หมดไฟ”เพราะคิดว่างานที่ทำไม่ “ยิ่งใหญ่” พอที่จะมีความหมาย แต่เมื่อได้มองลึกลงไปตาลพบว่า ความหมายของเธอไม่ใช่การสร้างอะไรใหญ่โต แต่คือการสร้างสภาพแวดล้อมให้คนรอบตัวรู้สึกปลอดภัยและสบายใจ
ทุกวันเธอช่วยให้ทีมลดความเครียดช่วยเพื่อนร่วมงานจัดการเรื่องใจช่วยหัวหน้าเชื่อมทีมให้คุยกันดีขึ้น และนั่นคือความหมายที่ “เธอไม่เคยเห็น” มาก่อนเลย
เมื่อใจเริ่มมองหาความหมายใหม่… นี่คือทักษะที่ช่วยได้จริง
ความหมายในงานและชีวิตไม่ได้เกิดจากตำแหน่งหรือความสำเร็จภายนอกแต่เกิดจาก ความสามารถในการเข้าใจตัวเองและเข้าใจคนรอบตัว
หลายครั้ง ความหมายจะชัดขึ้นทันทีเมื่อเรามีทักษะในการ “ฟังใจตัวเอง”และ “เข้าใจโลกของคนอื่น” ไปพร้อมกัน และนี่คือเหตุผลที่หลายคนเลือกเรียนคอร์สนักให้คำปรึกษาไม่ใช่เพราะอยากเป็นนักจิตวิทยาแต่เพราะอยากเป็น “มนุษย์ที่เข้าใจ” มากขึ้น:
เข้าใจความรู้สึกซ่อนอยู่ใต้คำพูด
เข้าใจแรงขับภายในของตัวเอง
ดูแลใจตัวเองได้ดีขึ้น
สื่อสารกับคนใกล้ชิดได้ลึกขึ้น
เติมความหมายในความสัมพันธ์และงาน
ได้ค้นพบตัวตนเวอร์ชันที่ “แข็งแรงและอ่อนโยนกว่าเดิม”
ทุกอย่างคุณจะได้ค้นพบใน หลักสูตรทักษะจิตวิทยาการให้คำปรึกษา iSTRONG ที่จะทำให้คุณกลับมามีไฟในการทำงานกลับมามีความหมายในชีวิตและกลับมา “เป็นตัวเองจริง ๆ” อีกครั้ง ถ้าคุณกำลังอยู่ในช่วงตั้งคำถามกับชีวิตช่วงกำลังหาเส้นทางใหม่ให้ตัวเองหรืออยากเข้าใจตัวเองให้ลึกกว่าเดิม นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่เปลี่ยนทั้งชีวิตคุณ
คุณจะได้เรียนรู้ทั้งเทคนิคการฟังลึก การอ่านอารมณ์ การสื่อสารอย่างไม่ตัดสิน การตั้งคำถามเชิงลึก และการดูแลความสัมพันธ์รอบตัวอย่างมืออาชีพ นี่คือทักษะชีวิตที่ช่วยเปลี่ยนคุณให้เป็นคนที่ฟังเป็น เข้าใจเป็น และอยู่ด้วยแล้วสบายใจมากขึ้นสำหรับทุกคน
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong
