ทำไมเราถึงไม่มั่นใจ ทั้งที่ทำได้ดี ค้นพบ Self-worth ที่ทำให้เกิดคุณค่าในตัวเรา
- iStrong team
- 4 days ago
- 1 min read

“ทำไมฉันยังไม่มั่นใจ ทั้งที่ทุกคนบอกว่าฉันเก่ง?” เคยสงสัยไหมว่า… ทำไมบางครั้งทำงานดี มีผลงาน มีคนชมแต่ในใจกลับไม่รู้สึกว่าตัวเอง “ดีพอ” ทำไมเวลาคนอื่นให้โอกาส เรากลับรู้สึกว่า“เขาคงให้เพราะยังไม่รู้ข้อบกพร่องของเรา” หรือแม้แต่ประโยคที่หลายคนพูดเหมือนกันอย่างน่าเหลือเชื่อ “ฉันทำได้…แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงไม่มั่นใจ”
ความรู้สึกนี้ไม่ได้เกี่ยวกับความสามารถจริง ๆ แต่มันเกี่ยวกับ “เสียงด้านใน” ที่เราพกติดตัวมาตั้งแต่เด็กจนโตและค่อย ๆ กลายเป็นเลนส์มองตัวเองโดยไม่รู้ตัว
หลายคนกำลังรับบทหนักจาก
ความคาดหวังในตัวเองสูงเกินไป
กลัวทำผิดแล้วคนจะผิดหวัง
เปรียบเทียบตัวเองกับคนรอบตัว
ความสำเร็จไม่เคยเติมเต็ม เพราะรู้สึก “ต้องทำให้ดีกว่านี้เสมอ”
มันไม่ได้แปลว่าเราไม่เก่งมันแปลว่า "รากของความมั่นใจ" ของเรายังไม่ถูกมองเห็นต่างหาก ความไม่มั่นใจที่เกิดขึ้น ทั้งที่ทำได้ดีมาตลอดไม่ใช่ความอ่อนแอแต่เป็นสัญญาณว่า ตัวตนด้านในของเรากำลังเรียกร้องให้เรา “รู้จักมันใหม่” อีกครั้ง
ความมั่นใจไม่ได้หายไป มันถูกซ่อนอยู่ภายใต้ “เสียงในใจ”
ความเชื่อเกี่ยวกับตัวเองในอดีต (Core Beliefs)
หลายคนเติบโตมาจากการได้ยินประโยคอย่าง
“ต้องทำให้ดีเสมอ”
“อย่าพลาดนะ เดี๋ยวเสียหน้า”
“เก่งแค่ไหนก็ยังไม่พอ”
เสียงเหล่านี้ฝังลึกจนกลายเป็นเงื่อนไขของคุณค่า และส่งผลต่อความมั่นใจในวันนี้อย่างมหาศาล
บทบาทที่ใหญ่ขึ้น แต่หัวใจยังเป็นเวอร์ชันเดิม
เราพัฒนาเร็วมากในหน้าที่การงาน แต่ไม่ได้พัฒนา “ภาพที่มองตัวเอง” ให้ทัน เหมือนได้ตำแหน่งใหม่ แต่ใช้ความมั่นใจของเวอร์ชันเมื่อ 5 ปีก่อนแน่นอนว่ามัน “ไม่พอ” ต่อบทบาทในวันนี้
ความคาดหวังภายใน (Internal Pressure)
คนเก่งมักไม่กลัวทำไม่ได้แต่กลัว “ทำได้ไม่ดีพอ” นี่คือกับดักของคนมีความรับผิดชอบสูงยิ่งเก่ง ยิ่งรู้ว่าตัวเองยังต้องพัฒนาและยิ่งรู้มากเท่าไหร่ ความมั่นใจก็ยิ่งหดตัวลงเรื่อย ๆ
3 วิธีดึงความมั่นใจกลับมา จากรากลึกของ Self-worth
แยกความจริงออกจาก “เสียงในใจ”
เวลาไม่มั่นใจ ให้หยุดแล้วถามตัวเองว่า
- สิ่งที่ฉันคิดมันเป็น “ข้อเท็จจริง” หรือ “ความกลัว”?
- มีหลักฐานอะไรบ้างที่บอกว่าฉันทำไม่ได้?
- ถ้าเพื่อนเก่ง ๆ คนหนึ่งเจอสถานการณ์นี้ ฉันจะพูดอะไรกับเขา?
คุณจะประหลาดใจว่าเสียงในใจหลายครั้ง “ดัง” แต่ไม่ “จริง”
บันทึกความสำเร็จเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นจริง
ไม่ใช่เพื่ออวดใครแต่เพื่อเตือนตัวเองว่า “ฉันเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ”
เริ่มจาก
- การจัดการประชุมที่ดีขึ้น
- การพูดประโยคยาก ๆ กับทีมได้ดี
- การแก้ปัญหาที่เคยทำไม่ได้
- การกล้าปฏิเสธสิ่งที่เกินกำลัง
ความมั่นใจไม่ได้มาจากสิ่งยิ่งใหญ่แต่มาจากการมองเห็น “หลักฐานว่าฉันก้าวไปข้างหน้า”
ตั้งความคาดหวังกับตัวเองใหม่แบบมนุษย์ ไม่ใช่แบบซูเปอร์ฮีโร่
ลองถามตัวเองว่า:
- อะไรคือ “ดีพอ” ไม่ใช่ “ดีที่สุด”?
- ฉันต้องทำให้สมบูรณ์แบบจริง ๆ ไหม หรือแค่ต้องทำให้เสร็จ?
- จุดประสงค์แท้จริงของงานนี้คืออะไร?
หลายครั้งที่ไม่มั่นใจเพราะเราไปตั้งเป้าหมายว่า “ต้องทำให้ได้ดีเหมือนในหัว” ไม่ใช่ “ดีตามความเป็นจริงของสถานการณ์” การตั้งมาตรฐานแบบมนุษย์ทำให้ความมั่นใจกลับมามากกว่าที่คิด
3 เคสจริงที่สะท้อน “ความไม่มั่นใจของคนเก่ง”
Case ที่ 1 : ผู้ช่วยผู้จัดการที่เก่งงาน แต่กลัวทำให้ใครผิดหวัง
คุณมิว อายุ 31 ทำงานดีจนหัวหน้าวางใจ แต่ทุกครั้งที่ได้รับโปรเจกต์ใหม่ เธอจะเครียดมากกว่าดีใจ “กลัวทำผิดแบบที่คนไม่คาดคิดค่ะเหมือนตัวเองต้องดี 100% ตลอดเวลา”
หลังคุยกัน เธอพบว่ารากของความไม่มั่นใจคือ กลัวทำให้ครอบครัวผิดหวังเพราะโตมากับคำว่า “ต้องเก่งเสมอ” ไม่ใช่ว่าเธอไม่มั่นใจแต่เธอกำลังใช้มาตรฐานที่สูงเกินความเป็นจริงมาตัดสินตัวเอง
Case ที่ 2 : ผู้นำทีมที่คนในองค์กรรัก แต่เขากลับไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเก่งพอ
คุณภพ อายุ 38 เป็นหัวหน้าที่ทีมรักที่สุดคนหนึ่งแต่เขามักจะบอกว่า “ผมยังไม่ดีพอจะเป็นผู้นำครับ ยังขาดอีกหลายอย่าง”
เมื่อสะท้อนกลับ เขาพบว่าเขาวัดตัวเองจาก “ผู้นำในอุดมคติ”ไม่ใช่ “ผู้นำที่ทีมต้องการจริง ๆ” พอได้ปรับเลนส์มองตัวเองใหม่ความมั่นใจของเขากลับมาอย่างชัดเจน
Case ที่ 3 : คนทำงานเก่ง แต่รู้สึกว่าใคร ๆ จะรู้ว่าเขา “ไม่เก่งจริง”
นี่คืออาการคลาสสิกของ Impostor Syndrome คุณยุ้ย อายุ 29ได้รับโปรโมตเร็วมากแต่กลับรู้สึกว่า “เขาเลื่อนตำแหน่งให้เพราะโชคช่วย ไม่ใช่เพราะฉันเก่งจริง”
เมื่อค้นลึกเธอพบว่าเธอไม่เคยให้เครดิตตัวเองในความสำเร็จ แต่ให้เครดิตกับโชค อื่น ๆ หรือคนรอบตัวเสมอ เมื่อเริ่มบันทึกหลักฐานความเก่งของตัวเองความเชื่อผิด ๆ นี้เริ่มคลายลงอย่างเห็นได้ชัด
การสร้าง Self-worth ไม่ใช่เรื่องของความเก่ง แต่คือ “ทักษะในการเข้าใจตัวเอง”
หลายคนคิดว่าความมั่นใจมาจาก “การเก่งขึ้น”แต่ความเป็นจริงคือความมั่นใจมาจากการเข้าใจว่าทำไมเราถึงคิดแบบนี้ และเราจะจัดการมันอย่างไร และนี่คือเหตุผลที่ทักษะให้คำปรึกษา (Counseling Skills) ช่วยคนจำนวนมากกลับมามั่นใจในตัวเองได้อย่างลึกซึ้ง เพราะมันทำให้เรา…
ฟังเสียงในใจตัวเองได้ชัดเจนขึ้น
มองเห็นรากของความไม่มั่นใจ
แยกแยะความจริงออกจากความกลัว
เข้าใจแรงขับภายในมากขึ้น
กลับมามอบคุณค่าให้ตัวเองในแบบที่ดีต่อใจที่สุด
ทุกอย่างคุณจะได้ค้นพบใน หลักสูตรทักษะจิตวิทยาการให้คำปรึกษา iSTRONG ทักษะนี้จะ “เปลี่ยนวิธีที่คุณเองพูดกับตัวเองไปตลอดชีวิต” และเมื่อคุณเริ่มเข้าใจตัวเองมากขึ้น ความมั่นใจจะไม่ใช่สิ่งที่ต้องไล่ตาม แต่จะกลายเป็นสิ่งที่ “งอกขึ้นจากข้างใน” อย่างเป็นธรรมชาติ
คุณจะได้เรียนรู้ทักษะจิตวิทยามากมายในการปรับใช้กับตัวเองและผู้อื่น ทั้งการสำรวจอารมณ์ เทคนิคการฟังลึก การอ่านอารมณ์ การสื่อสารอย่างไม่ตัดสิน การตั้งคำถามเชิงลึก และการดูแลความสัมพันธ์รอบตัวอย่างมืออาชีพ นี่คือทักษะชีวิตที่ช่วยเปลี่ยนคุณเป็นคนที่เข้าใจตัวเองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong
