5 วิธีเป็นผู้นำที่มี Empathy โดยไม่เสียอำนาจการปกครอง

องค์กรหรือทีมของคุณกำลังประสบปัญหากับการรักษาพนักงาน Gen Y และ Gen Z ไว้กับองค์กรรึเปล่า
บริษัทต่างๆ ในปัจจุบันกำลังเผชิญกับวิกฤตที่มองไม่เห็น แม้จะเสนอเงินเดือนที่ทัดเทียมกับตลาดได้ โอกาสในการเติบโตในหน้าที่การงาน และวัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนด้วยผลงาน แต่หลายองค์กรกลับต้องรับมือกับ การลาออกสูง ทีมงานที่ไม่มีความผูกพัน และปัญหาสุขภาพจิตที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มพนักงาน Gen Y (มิลเลนเนียล) และ Gen Z
สิ่งที่เราค้นพบมากขึ้นเรื่อยๆ ก็คือ คนยุคนี้ต้องการมากกว่าแค่เงินเดือน พวกเขาแสวงหาเป้าหมาย ความปลอดภัยทางใจ (Psychological Safety) และผู้นำที่ เข้าใจและใส่ใจ (Empathy) ต่อความเป็นอยู่ของพวกเขาอย่างแท้จริง จริงๆ แล้ว มีการสำรวจที่แสดงให้เห็นว่า พนักงานเกินครึ่งไม่คิดจะเปลี่ยนงานจากองค์กรที่ทำให้ตนเองรู้สึกได้รับการยอมรับ ใส่ใจ และเห็นคุณค่า
แต่ผู้นำหลายคนยังคงเชื่อว่า Empathy เป็นเพียง "Soft skills" ที่ถ้ามีก็ดี (Nice to have) แต่ไม่จำเป็นในสภาพแวดล้อมธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง ความคิดที่ดั้งเดิม (ในยุคที่ผู้นำเก่งคนเดียวได้) นี้กำลังทำให้บริษัทต่างๆ สูญเสีย ผลิตภาพ นวัตกรรม และคนเก่ง โดยเฉพาะในยุคนี้ที่ทุกอย่างต้องเร็วและต้องอาศัยความสามารถของทีมงานแต่ละคนอย่างมาก
ความจริงก็คือ ในที่ทำงานที่เร่งรีบและมีความกดดันสูงในปัจจุบัน Empathy ไม่ใช่จุดอ่อน—แต่เป็นข้อได้เปรียบทางธุรกิจ
ทำไม Empathy (ความเข้าอกเข้าใจ) เป็นพลังพิเศษของผู้นำ
Empathy คือ ความสามารถในการเข้าใจและรู้สึกร่วมไปกับผู้อื่น ไม่ใช่เรื่องของการมีอารมณ์มากเกินไปหรือการลดทอนเป้าหมายทางธุรกิจ แต่เป็นสิ่งที่ช่วยให้ผู้นำสามารถสร้างสมดุลระหว่าง ประสิทธิภาพสูงกับความผูกพันสูง—เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานยังคงมีแรงจูงใจ มีความยืดหยุ่น และมีความมุ่งมั่น
Empathy เป็นประโยชน์กับองค์กรอย่างไร
เพิ่มความสำเร็จทางธุรกิจ – Harvard Business Review แสดงให้เห็นว่า 80% ของ CEO กล่าวว่า Empathy และ Leadership คือปัจจัยหลักของความสำเร็จทางธุรกิจ
เพิ่มความผูกพันของพนักงาน – พนักงาน 76% ที่มีผู้นำที่เข้าอกเข้าใจบอกว่าตนเองผูกพันกับองค์กร
ลดความเครียดและภาวะหมดไฟ – เมื่อพนักงานรู้สึกว่าได้รับความเข้าใจ ความเครียดในที่ทำงาน ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ลดอัตราการลาออกและเพิ่มความภักดี – ความเป็นผู้นำที่มีความเข้าอกเข้าใจช่วยเพิ่ม การรักษาพนักงานไว้ได้สูงถึง 50%
ยกระดับการทำงานร่วมกัน – ทีมที่มีระดับความเข้าอกเข้าใจสูงทำงานได้ดีกว่าภายใต้ความกดดัน และแก้ไขความขัดแย้งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า
ขับเคลื่อนนวัตกรรมและผลิตภาพ – พนักงานรู้สึกปลอดภัยที่จะ แสดงความคิดใหม่ๆ และกล้าเสี่ยงที่จะสร้างสรรค์
แต่ผู้นำหลายคนยังคงพบปัญหาในการผสมผสานความเข้าอกเข้าใจเข้ากับสไตล์การเป็นผู้นำของพวกเขา เพราะผู้นำที่มุ่งเน้นธุรกิจและขับเคลื่อนด้วยผลงาน มักเชื่อว่า
🚫 "ฉันไม่มีเวลามาเสียเวลาจัดการกับอารมณ์ของพนักงาน"
🚫 "ถ้าฉันมี Empathy มากเกินไป จะเสียการปกครองและพนักงานจะเริ่มไม่อยู่ในการควบคุม"
🚫 "ผลลัพธ์มาก่อน—ความเข้าอกเข้าใจรอได้"
ความคิดแบบขั้วตรงข้ามนี้—การเลือกระหว่างผลงานกับความเข้าอกเข้าใจอย่างใดอย่างหนึ่งเริ่มจะไม่มีประสิทธิผลแล้ว ผู้นำที่ดีที่สุดในปัจจุบันควรรู้วิธี ผสมผสานทั้งสองอย่าง เพื่อสร้างวัฒนธรรมที่มีประสิทธิภาพสูงแต่ก็ให้ความสำคัญกับคนเป็นศูนย์กลาง
5 วิธีสร้างสมดุลระหว่างผลงานและ Empathy โดยไม่เสียอำนาจการปกครอง
การพัฒนา Empathy ไม่ได้หมายความว่า ต้องลดความคาดหวัง หลีกเลี่ยงการสนทนาที่ยาก หรือไม่เผชิญหน้า แต่หมายถึงการ นำด้วยทั้งหัวใจและกลยุทธ์ นี่คือวิธีที่ HR สามารถช่วยผู้นำพัฒนารูปแบบการเป็นผู้นำที่เข้าอกเข้าใจในขณะที่ยังคงขับเคลื่อนผลลัพธ์ได้ ดังนี้
1. เปลี่ยนกรอบความคิด: ความเข้าอกเข้าใจคือข้อได้เปรียบในการแข่งขัน ไม่ใช่จุดอ่อน
ผู้นำหลายคนเชื่อว่า ความเข้าอกเข้าใจหมายถึงการลดมาตรฐาน หรือ การอ่อนแอเกินไป นี่เป็นความเข้าใจผิด
✔ ผู้นำที่มีความเข้าอกเข้าใจตั้งความคาดหวังสูง แต่สนับสนุนพนักงานให้บรรลุเป้าหมายเหล่านั้น
✔ พวกเขา ให้คนรับผิดชอบ ในขณะที่เข้าใจความท้าทายของพวกเขา
✔ พวกเขา เพิ่มความภักดี ลดค่าใช้จ่ายในการสรรหาและฝึกอบรม
💡 ไอเดีย: จัดให้มีการฝึกอบรมเพื่อปรับ Mindset ของผู้นำเพื่อให้เห็นความสำคัญและผลลัพธ์เชิงบวกของ Empathy ในการนำทีม
2. ฟังเพื่อเข้าใจ ไม่ใช่แค่ฟังเพื่อตอบ
ผู้นำส่วนใหญ่ฟังเพื่อ ตอบโต้ ตัดสิน หรือแก้ปัญหา ไม่ใช่การฟังให้จบเพื่อ เข้าใจ พนักงานอย่างแท้จริง ในความเป็นจริงคือพนักงานทุกคนสังเกตเห็นทั้งนั้นเมื่อผู้นำไม่ใส่ใจหรือไม่อดทนฟัง สุดท้ายผู้นำจะพลาดข้อมูลสำคัญบางอย่างไป นี่คือคำแนะนำเบื้องต้น
✔ สบตาผู้พูดขณะฟัง และ กำจัดสิ่งรบกวน ระหว่างการสนทนา
✔ สรุปสิ่งที่พนักงานพูด เพื่อยืนยันความเข้าใจ
✔ ถามคำถามปลายเปิด เพื่อค้นลึกลงไปในประเด็นกังวล
✔ ไม่ด่วนพูดแทรก เวลาที่พนักงานยังพูดไม่จบ หากเยิ่นเย้อเกินไป ผู้นำอาจแสดงเจตนาที่จะยินดีรับฟังแต่ขอให้กระชับขึ้นอีกนิด
💡 ไอเดีย: จัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง "การฟังอย่างเข้าใจ" (Empathic Listening) สำหรับผู้นำทีมเพื่อปรับปรุงทักษะการสื่อสาร รวมทั้งหาเทคนิคการชื่นชมและให้รางวัลสำหรับผู้นำที่โดดเด่นเรื่องการฟัง
3. สร้างสมดุลระหว่างการตัดสินใจที่ยากกับความฉลาดทางอารมณ์
ผู้นำต้องตัดสินใจที่ยาก เช่น การเลิกจ้าง การปรับโครงสร้าง หรือการประเมินผลงาน อย่างไรก็ตามวิธีการสื่อสารการตัดสินใจเหล่านี้ มีความสำคัญ
✔ มีความ โปร่งใส ตรงไปตรงมา — ความซื่อสัตย์สร้างความไว้วางใจ
✔ แสดง ความห่วงใยอย่างจริงใจ — ยอมรับผลกระทบทางอารมณ์
✔ เสนอ การสนับสนุนและทางออก — พนักงานจะเคารพผู้นำที่ใส่ใจ
💡 ไอเดีย: บริษัทเอเจนซี่แห่งหนึ่งได้ฝึกอบรมผู้บริหารเกี่ยวกับ การตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยความเข้าอกเข้าใจ ก่อนการลดขนาดองค์กรครั้งใหญ่ พนักงานแม้จะรู้สึกเศร้า แต่ ยอมรับว่าองค์กรจริงใจและสนับสนุน นำไปสู่ ความเสียหายต่อชื่อเสียงน้อยที่สุด และขวัญกำลังใจที่ดีขึ้นในหมู่พนักงานที่เหลืออยู่
4. สร้างความปลอดภัยทางจิตใจ (Psychological Safety) ในทีม
ความปลอดภัยทางจิตใจหมายถึงพนักงานรู้สึกสบายใจที่จะ แบ่งปันความคิด ข้อกังวล หรือความผิดพลาด โดยไม่กลัวการลงโทษ รวมทั้งสบายใจที่จะเป็นตัวของตัวเอง สิ่งนี้ สำคัญมากสำหรับนวัตกรรม การทำงานร่วมกัน และการรักษาพนักงาน
✔ ส่งเสริมการ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างอิสระ ในการประชุมทีม (ผู้นำอาจเป็นคนเสนอไอเดียคนสุดท้าย เพื่อให้พนักงานกล้าเสนอไอเดียของตัวเองก่อน)
✔ อนุญาตให้พนักงาน ตั้งคำถามกับไอเดีย ด้วยเจตนาเพื่อผลประโยชน์บริษัท โดยไม่ต้องกลัวผลกระทบ
✔ ชวนพูดคุยเพื่อถอดบทเรียน ความผิดพลาดในฐานะโอกาสในการเรียนรู้ ไม่ใช่ความล้มเหลว
💡 ไอเดีย: แนะนำให้ผู้นำจัด session "พื้นที่ปลอดภัย" ที่พนักงานสามารถพูดคุยเกี่ยวกับความท้าทายในที่ทำงานโดยไม่ต้องกลัวการตัดสิน หรือจัดให้มีการสัมมนาที่ผู้นำได้มีโอกาสมาแบ่งปัน "ความผิดพลาดประจำเดือน" ที่เกี่ยวกับ ความล้มเหลวและบทเรียนที่ได้เรียนรู้ สิ่งนี้ทำให้ผู้นำเองกล้าแสดงความเปราะบาง ลด ความกลัวการตัดสิน และนำไปสู่ การกล้าเสี่ยงและนวัตกรรมที่เพิ่มขึ้น
5. นำโดยการเป็นแบบอย่าง ความเข้าอกเข้าใจเริ่มต้นจากระดับบน
หากผู้บริหารระดับสูง ไม่แสดงแบบอย่างของความเข้าอกเข้าใจ ผู้จัดการระดับกลางและระดับต้น จะไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้
✔ CEO และผู้บริหารระดับสูงควร รับรู้ข้อกังวลของพนักงานอย่างเปิดเผย
✔ ผู้นำควร แบ่งปันความท้าทายส่วนตัว เพื่อสร้างวัฒนธรรมของ Authenticity (ความโปร่งใสจริงใจ)
✔ ผู้นำควรมี one-on-one session กับทีมของตนเองอย่างสม่ำเสมอ และถามไถ่เรื่องที่นอกเหนือจากการประเมินผลงานอย่างสม่ำเสมอ
💡 ไอเดีย: CEO พูดใน Town hall ประจำไตรมาส และมีช่วงที่เล่าถึงประสบการณ์การพูดคุยส่วนตัวกับทีมผู้บริหารแต่ละคนและเน้นย้ำถึง impact ของการฟังอย่างเข้าใจ
Empathy อาจเกิดขึ้นเองไม่ได้ การฝึกอบรมผู้นำยังเป็นสิ่งจำเป็น
ยุคของความเป็นผู้นำแบบสั่งการและควบคุมอาจไม่ได้ผลดีเลิศเหมือนเดิมแล้ว บริษัทที่ประสบความสำเร็จระดับโลกในปัจจุบันเชื่อในผู้นำทีมที่มี Empathy เช่น Google
ดังนั้นคุณต้องมั่นใจว่าผู้นำทุกระดับในองค์กรของคุณตระหนักรู้และมีทักษะในเรื่องนี้ ผ่านการฝึกอบรมที่เป็นระบบ มีการให้ฝึกปฏิบัติและติดตามผล รวมทั้งมีระบบการสนับสนุนพฤติกรรมการเข้าอกเข้าใจกันจนกลายเป็นวิถีปฏิบัติ รวมทั้งเป็นวัฒนธรรมองค์กร
iSTRONG In-house Training มีการจัดการฝึกอบรมเรื่อง Empathy-driven Leadership และ Heart-to-Heart Leadership ให้กับผู้นำทีมในหลากหลายอุตสาหกรรม ในระหว่างการฝึกอบรม มีการหยิบยกประเด็นที่ว่า ทำไม Empathy จึงเป็นเรื่องไกลตัวหรือยากสำหรับผู้นำบางคน มาพูดคุยกันในกลุ่มผู้เข้าฝึกอบรมอย่างจริงจัง มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และมุมมอง ซึ่งในท้ายที่สุด ผู้นำต่างก็ยอมรับว่า Empathy มีผลกระทบเชิงบวกต่อทีมของตนเองจริง
หากในองค์กรของคุณ คุณเคยได้ยินพนักงานส่งเสียงเกี่ยวกับภาวะผู้นำหรือวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่รับฟังกันจนกลายเป็นความขัดแย้งและการแข่งขันภายในกันอย่างไม่ Healthy อาจถึงเวลาที่องค์กรต้องเริ่มปลูกฝัง Empathy เพื่อกลับมาสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานเชิงบวก มีผู้นำที่พร้อมเข้าใจและสนับสนุนพนักงานที่มีความสามารถอย่างเต็มที่
คุณสามารถพูดคุยรายละเอียดของคอร์สนี้อย่างละเอียด พร้อมทั้งปรับแต่งให้เหมาะกับบริบทขององค์กรของคุณ กับทีมงานของ iSTRONG โดยติดต่อคุณชญาน์นันท์ 089-0299860 หรืออีเมล์ chayana@istrong.co และ contact@istrong.co หรือคลิกบริการดูแลสุขภาพใจในองค์กร
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong