top of page

แม่จ๋า อย่าตีหนู ! 7 เทคนิคจิตวิทยาลดความเครียดในการเลี้ยงลูก

Updated: Sep 19, 2024


ree

แม่จ๋า อย่าตีหนู! คำพูดนี้คงเป็นคำพูดยอดฮิตของเด็กน้อยวัย 3 – 6 ขวบค่ะ เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นวัยช่างพูด ช่างสงสัย ที่แสนจะน่ารักของพ่อ แม่ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นวัยที่สร้างความเครียดในการเลี้ยงลูกให้แก่คุณพ่อ คุณแม่ เพราะเป็นวัย “ลองของ” ค่ะ ทำทุกอย่างที่ห้าม ทำตรงข้ามกับที่บอก จนคุณพ่อ คุณแม่ ปวดเศียรเวียนเกล้า และเผลอใช้อารมณ์กับลูก หรือลงโทษลูกรุนแรง แล้วก็มารู้สึกผิดเองอยู่ตลอด ๆ หรือร้ายกว่านั้น ลูกก้จะฝังใจและเกิดความรู้สึกในทางลบต่อเราตามมา ทั้งนี้ ด้วยความเข้าใจในฐานะแม่ คนหนึ่งเช่นกัน ดิฉันจึงขอนำเทคนิคจิตวิทยาในการลดความเครียดในการเลี้ยงลูก มาฝากกันค่ะ


1. รู้ทันอารมณ์ตัวเอง

ปัญหาใหญ่ที่ทำให้คุณพ่อ คุณแม่ เผลออารมณ์ร้ายใส่ลูก หรือทำร้ายลูก นั่นก็เพราะเราคุมตัวเองไม่ทันค่ะ พอลูกกวนอารมณ์ให้ขุ่น เกิดความเครียดในการเลี้ยงลูก เราก็หัวร้อน แล้วเผลอปาก หรือพลั้งมือไปเลย กว่าจะรู้ตัวก็ทำให้ลูกเสียใจ หรือเจ็บตัวไปเสียแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าเรารู้ทันอารมณ์ตัวเองว่ากำลังจะโกรธแล้วนะ เราะก็จะได้รีบจัดการอารมณ์ตัวเองด้วยการควบคุมลมหายใจ หรือ Time Out ตัวเองออกจากสถานการณ์ดังที่จะกล่าวถึงต่อไป เพื่อผ่อนคลายอารมณ์ก่อนพูดคุยทำความเข้าใจกับลูกค่ะ


2. เข้าใจพัฒนาการของลูก

สิ่งหนึ่งที่นักจิตวิทยาพยายามสร้างความตระหนัก และพยายามให้ความรู้กับคุณพ่อ คุณแม่ ก็คือ ความสำคัญของพัฒนาการเด็กค่ะ เพราะถ้าเรารู้และเข้าใจว่าลูกของเราจะมีพัฒนาการด้านร่างกาย สังคม และอารมณ์ เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เราก็จะสามารถรับมือ และทำความเข้าใจได้ว่า สิ่งที่ลูกทำที่เรามองว่าดื้อ มองว่าท้าทาย มองว่าไม่โอเค จริง ๆ แล้ว เขาแค่โตขึ้นเท่านั้นเอง


3. ตกลงการแสดงพฤติกรรมของลูกให้ชัดเจน

บางครั้ง การที่ลูกไม่ทำตามที่เราพูด หรือท้าทายกฏเกณฑ์ที่ตั้งไว้ สาเหตุหนึ่งอาจจะมาจากที่เราไม่ได้ตกลงการแสดงพฤติกรรมกับลูกที่ชัดเจนมากพอ ดังนั้น เราควรตกลงทำความเข้าใจกับลูกให้ชัดเจนเลยว่า อะไรที่ลูกไม่สามารถทำได้ เพราะอะไร เช่น ห้ามกระโดดเล่นตรงบันได เพราะจะทำให้ลูกตกลงมาเจ็บ ห้ามตีคนอื่น เพราะคนอื่นจะเจ็บ และอาจโกรธจนทำร้ายลูกคืนได้ และหากลูกเป็นต้นค่ะ ซึ่งคุณพ่อ คุณแม่ อาจจะต้องย้ำข้อตกลงกันบ่อย ๆ หน่อยนะคะ เพราะบางทีลูกเล่นเพลิน ก็อาจลืมข้อตกลงได้โดยไม่ตั้งใจ


4. หายใจเข้า - ออก ช้า ๆ ลึก ๆ

หากเกิดความเครียดในการเลี้ยงลูก การควบคุมลมหายใจ เป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยได้มากเลยค่ะ เมื่อรู้สึกหัวร้อน ลองหายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกช้า ๆ อยู่กับตัวเอง ตั้งสติรับรู้ความรู้สึก หายใจเข้า - ออก จนใจเย็นลงแล้วจะรู้สึกได้เลยค่ะว่าหัวโล่งขึ้นมาก ใจเย็นขึ้น เราก็จะพูดคุยกับลูก หรืออธิบายกับลูกโดยใช้เหตุผล มากกว่าอารมณ์ และลดโอกาสทำร้ายลูกทั้งร่างกาย และจิตใจได้มากเลยค่ะ


5. ถ้าไม่ไหวก็ Time Out ตัวเองก่อน

แต่ถ้าเจ้าตัวเล็กของเราแผลงฤทธิ์แผลงเดช ปล่อยของ จนเกิดความเครียดในการเลี้ยงลูก และวิธีที่แนะนำข้างต้นเอาไม่อยู่แล้วละก็ ขอให้แยกตัวเองออกมา แล้วให้คนในบ้านที่เราไว้ใจดูแลแทนก่อนสักครู่ค่ะ เพราะถ้ายังอยู่ในสถานการณ์ที่ลูกงอแง โวยวาย หรือเอาแต่ใจอยู่ละก็ เราเองก็คงระเบิดเช่นกัน เพราะฉะนั้นปลีกตัวเองไปอยู่ในที่สงบ ๆ เช่น ห้องน้ำ อีกห้องหนึ่ง หรือบริเวณนอกบ้าน ให้พายุอารมณ์สงบลงก่อน แล้วค่อยเข้าบ้านไปพูดคุยกับลูกค่ะ


6. จัดเวรดูแลลูกบ้างในบางที

มนุษย์พ่อ มนุษย์แม่ ส่วนใหญ่ในทุกวันนี้ ไม่ค่อยมีใครได้เลี้ยงลูกเต็มเวลาใช่ไหมคะ เพราะต้องออกไปทำงานกัน กว่าจะกลับถึงบ้านก็หมดแรงแล้ว แต่คนที่คึกคักและดีใจที่พ่อ แม่ กลับบ้าน ก็คือเจ้าตัวเล็กของเรานั่นละค่ะ แล้วทีนี้วิธีที่จะรักษา Balance ระหว่างความรู้สึกของลูก กับความรู้สึกของเรา ก็สามาถทำได้โดยการเปลี่ยนเวรกันเล่นกับลูก ดูแลลูก เช่น กลับถึงบ้าน 1 ทุ่ม คุณแม่เล่นกับลูก ดูแลลูกจนถึง 2 ทุ่ม ส่วนคุณพ่อไปทานข้าว อาบน้ำ แล้วมาเปลี่ยนคุณแม่ ทีนี้ทั้งสองคน ก็จะได้พักผ่อน และเล่นกับลูกแบบไม่รู้สึกเกิดความเครียดในการเลี้ยงลูกจนเกินไปค่ะ


7. ไปพักผ่อนให้สบายใจ ก่อนกลับมาเลี้ยงลูกอีกที

แต่ถ้าหากคุณผู้อ่านเกิดความเครียดในการเลี้ยงลูกสูงจนรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว อีกวิธีที่นักจิตวิทยาแนะนำ ก็คือ ไปพักผ่อนบ้าง ฝากคุณยาย คุณย่า ช่วยดูให้สักพัก หรือฝากคุณพ่อดูแลสักครู่ใหญ่ ๆ แล้วไป ชาร์ตแบต ไปเที่ยว ไปนวด ไปดูภาพยนตร์ ไปสังสรรค์ พบปะเพื่อนฝูงบ้าง ให้หายเครียด แล้วกลับมาดูแลลูกต่ออย่างสดใสค่ะ


การดูแลลูก บางช่วงเวลาก็เป็นเวลาแห่งความสุข บางช่วงเวลาก็เป็นช่วงเวลาท้าทายอารมณ์และความรู้สึก ซึ่งถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ต้องพบเจอและรับมือตลอดชีพกันเลยค่ะ เพราะฉะนั้นการผ่อนคลายความเครียดของคุณพ่อ คุณแม่ จึงเป็นเรื่องสำคัญเพื่อรักษาสุขภาพจิตและคุณภาพอารมณ์เวลาอยู่กับลูก ดิฉันและ Istrong หวังว่าทั้ง 7 เทคนิคที่แนะนำข้างต้น จะเป็นประโยชน์กับคุณพ่อ คุณแม่นะคะ


สำหรับใครที่กำลังเครียด กังวล คิดมาก ทั้งเรื่องของปัญหา Burn Out จากการทำงาน ปัญหาความสัมพันธ์ต่างๆ ในครอบครัว คนรัก ไปจนถึงภาวะต่างๆ เช่น ซึมเศร้า ทุกปํญหาสำคัญและเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเราเสมอ


iSTRONG ยินดีให้บริการ ปรึกษาด้านสุขภาพจิตโดยผู้เชี่ยวชาญ ทั้งจากจิตแพทย์และนักจิตวิทยา ดูรายละเอียดได้ที่นี่

ree

iSTRONG Mental Health

ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร


บริการของเรา

สำหรับบุคคลทั่วไป

• บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa

• คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS


สำหรับองค์กร

• EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8


โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong

ประวัติผู้เขียน : จันทมา ช่างสลัก

บัณฑิตสาขาวิชาเอกจิตวิทยาคลินิก เกียรตินิยมอันดับ 2 จากรั้ว มช. และมหาบัณฑิตด้านการพัฒนาสังคม NIDA มีประสบการณ์ด้านจิตวิทยาเด็ก 4 ปี เป็นผู้ช่วยนักวิจัย ด้านจิตวิทยา 1 ปี ปัจจุบันเป็นนักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ และคุณแม่ของลูก 1 คน แมว 1 ตัว ที่ประยุกต์ใช้ศาสตร์ทางจิตวิทยาในการใช้ชีวิต


iSTRONG ผู้ให้บริการด้านสุขภาพจิต Solutions ด้านสุขภาพจิต ให้คำปรึกษาโดยนักจิตวิทยา นักจิตบำบัด นักจิตวิทยาคลินิกที่มีใบรับรอง รวมถึงบทความจิตวิทยา

© 2016-2025 Actualiz Co.,Ltd. All rights reserved.

contact@istrong.co                     Call 02-0268949

  • Facebook Social Icon
  • YouTube Social  Icon
  • Instagram
  • Twitter
bottom of page