top of page

5 แนวทางในการรับมือกับ Hate Speech ความเกลียดที่มากกว่า "คำหยาบ"

Updated: Apr 28, 2023


ree

เชื่อว่าทุกคนต้องเคยเจอกับคำพูดที่แสดงความเกลียดชัง (Hate Speech) จากคนอื่น หรืออาจจะมีบ้างในบางครั้งที่เราเองก็เผลอใช้คำพูดเช่นนี้กับคนอื่นด้วยเช่นกัน ซึ่งหากทุกคนสามารถรู้เท่าทันตัวเองได้และคิดก่อนพูดทุกครั้ง ปัญหาเรื่องการทำร้ายกันด้วยคำพูดก็คงจะไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อการรู้เท่าทันตัวเองเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องฝึกฝน และมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะไปควบคุมคนอื่นว่า “อย่าพูดแบบนี้กับเรานะ” ดังนั้น ทางเลือกที่ดูจะเป็นไปได้มากที่สุดในการใช้ชีวิตของตัวเองให้มีความสุขมากขึ้น ก็คงจะเป็นการฝึกฝนให้ตัวเองมีแนวทางในการรับมือกับ Hate Speech นั่นเอง


5 แนวทางในการรับมือกับ Hate Speech

1. หาความต้องการของคนที่ใช้ Hate Speech กับคุณ

เมื่อมีคนมาพูดจาแสดงความเกลียดชังกับคุณ จนทำให้คุณรู้สึกรำคาญใจเป็นอย่างมากกับคำพูดเหล่านั้น วิธีการที่ตรงไหนตรงมาที่สุดก็คือ ลองถามว่าเพราะอะไรเขาถึงใช้คำพูดแบบนี้กับคุณ เพื่อให้เขาได้ทบทวนว่าตัวเองต้องการอะไรจากคุณ แต่หากคุณได้ถามไปแล้วเขาไม่ตอบและยังคงพูดจากับคุณเช่นเดิมไม่หยุด คุณอาจจะลองเดาดูก็ได้ว่าเขาต้องการอะไรหรือได้อะไรจากใช้ Hate Speech กับคุณ ซึ่งโดยมากแล้วคุณมักจะพบว่าปัญหามักจะไม่ได้มาจากคุณสักเท่าไหร่ แต่มักจะเป็นปัญหาของผู้ที่ใช้ Hate Speech เองที่อาจจะมีความรู้สึกเชิงลบด้วยอุปนิสัยส่วนตัวของเขาเอง หรือหากคุณไม่มั่นใจว่าตัวคุณเองคือต้นเหตุของปัญหาหรือไม่ ก็อาจจะลองถามเพื่อให้เขาขยายความได้ว่าที่เขาพูดมานั้นเขาหมายความว่าอย่างไร แท้จริงแล้วต้องการจะบอกอะไร

2. บอกความรู้สึกของคุณให้คนที่ใช้ Hate Speech กับคุณทราบ

มีผู้คนจำนวนมากที่พูดโดยไม่คิดและไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังพูดอะไรออกมา หรือพูดออกมาด้วยความเคยชินแบบไม่คิดอะไร ทำให้เขาไม่ทันระมัดระวังคำพูดของตัวเองว่าจะไปทำร้ายจิตใจคนฟังหรือเปล่า หากคุณรู้สึกแย่กับคำพูดของเขาก็อาจจะบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปให้ผู้พูดได้ทราบ เพราะเขาอาจจะไม่เคยรู้ตัวเลยก็ได้ ถ้าคุณไม่บอกเขาก็อาจจะคิดไปเองว่าคุณไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดที่เขาพูดออกมา ซึ่งการบอกนั้นก็ควรจะเป็นการสื่อสารที่ตรงไปตรงมาโดยไม่ใช้อารมณ์เป็นใหญ่ แต่เน้นการสื่อสารให้คู่สนทนารับทราบถึงความรู้สึกที่แท้จริงของคุณ เช่น “ฉันไม่รู้ว่าเธอหมายความแบบนั้นจริงไหม แต่ฉันรู้สึกแย่ทุกครั้งเลย เวลาที่ได้ยินคำพูดแบบนี้”

3. แบ่งปันประสบการณ์เชิงบวกกับคนที่ใช้ Hate Speech กับคุณ

บ่อยครั้งที่คนที่ใช้ Hate Speech คือคนที่มีแต่ประสบการณ์เชิงลบ ทำให้เขาไม่เคยมีแบบอย่างของการพูดจาดี ๆ เช่น อาจจะถูกเลี้ยงดูมาจากผู้ปกครองที่ชอบพูดจารุนแรง ชุมชนที่เขาเติบโตมามีความคิดความเชื่อว่าการพูดจาแรง ๆ ต่อกันคือการแสดงถึงความจริงใจ เป็นต้น เขาจึงไม่รู้วิธีการในการเข้าหาผู้อื่นด้วยวิธีเชิงบวก คุณอาจจะแบ่งปันประสบการณ์เชิงบวกที่คุณเคยได้รับคำพูดดี ๆ ให้เขาทราบหรืออาจจะเป็นตัวอย่างให้กับเขา ด้วยการใช้คำพูดเชิงบวกกับเขาแทนที่จะตอบโต้ Hate Speech ของเขาด้วย Hate Speech ของคุณ

4. กล่าวลาและออกจากการสนทนานั้นไป

หากคุณได้ลองทำวิธีการต่าง ๆ มามากพอแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นมาเลย ก็คงจะถึงเวลาที่คุณต้องกล่าวลาและออกจากการสนทนานั้นไป โดยสื่อสารให้อีกฝ่ายทราบว่าคุณเข้าใจว่าเขายังรู้สึกเกลียดชังคุณอยู่ แต่คุณเองก็ต้องการความสงบสุขทางใจเช่นกัน โดยอาจจะพูดให้เขาทราบว่า “ฉันเข้าใจว่าเธออาจจะกำลังรู้สึกไม่ดีอยู่ ฉันก็อยากคุยกับเธอต่อ ถ้าหากเธอเลิกใช้คำพูดแบบนี้กับฉัน แต่ถ้าเธอยังไม่เลิกใช้คำพูดแบบนี้ ฉันขอตัวก่อนดีกว่า”

5. ปรึกษานักจิตวิทยาหรือนักให้คำปรึกษา

มันอาจจะเป็นเรื่องยากในสังคมไทยที่จะสื่อสารความต้องการหรือความรู้สึกของตัวเองออกไปตรง ๆ อีกวิธีการที่เป็นทางเลือกที่ดีก็คือ การไปปรึกษานักจิตวิทยาหรือนักให้คำปรึกษา ซึ่งเป็นผู้ที่สามารถเอื้อให้คุณเข้าใจตัวเองมากขึ้นว่าเพราะอะไรคุณถึงเจ็บช้ำกับ Hate Speech ของคนอื่นและไม่สามารถมูฟออนไปจากมันได้เลย นอกจากนั้น นักจิตวิทยาหรือนักให้คำปรึกษาจะถูกฝึกมาให้มีลักษณะฟังอย่างเข้าใจไม่ตัดสินและรักษาความลับของคุณได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม เรื่องของ Hate Speech มีความเกี่ยวข้องกับลักษณะทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนด้วยเช่นกัน จึงไม่สามารถจะแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืนด้วยการให้บุคคลต้องคอยหาวิธีรับมือกับ Hate Speech อยู่เรื่อยไป หากชุมชนสามารถทำการรณรงค์ให้ความรู้ สร้างความตระหนักให้ผู้คนได้เข้าใจถึงผลกระทบของ Hate Speech และความสำคัญของการมีสุขภาพจิตที่ดีให้ทุกคนทราบโดยทั่วกัน ก็จะช่วยลดการเกิดขึ้นของ Hate Speech อย่างยั่งยืนมากกว่า กล่าวคือ สังคมจะต้องชูประเด็นเกี่ยวกับผลกระทบของการใช้ Hate Speech ให้ทุกคนรับทราบและเกิดความเข้าใจว่า การพูดจาแย่ ๆ ใส่กันมันไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา มันไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถอ้างได้ว่า “ใคร ๆ เขาก็ทำกัน” หรือ “อ่อนแอก็แพ้ไป” แต่มันคือการประทุษร้ายทางวาจาซึ่งไม่มีใครบนโลกนี้ที่สมควรได้รับ Hate Speech

สำหรับใครที่กำลังเครียด กังวล คิดมาก ทั้งเรื่องของปัญหา Burn Out จากการทำงาน ปัญหาความสัมพันธ์ต่างๆ ในครอบครัว คนรัก ไปจนถึงภาวะต่างๆ เช่น ซึมเศร้า ทุกปํญหาสำคัญและเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเราเสมอ


iSTRONG ยินดีให้บริการ ปรึกษาด้านสุขภาพจิตโดยผู้เชี่ยวชาญ ทั้งจากจิตแพทย์และนักจิตวิทยา ดูรายละเอียดได้ที่นี่

ree

iSTRONG Mental Health

ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร


บริการของเรา

สำหรับบุคคลทั่วไป

• บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa

คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS


สำหรับองค์กร

• EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8


โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong

บทความที่เกี่ยวข้อง

อ้างอิง

ประวัติผู้เขียน

นางสาวนิลุบล สุขวณิช (เฟิร์น) ปริญญาโทสาขาจิตวิทยาการปรึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ปริญญาตรีสาขาจิตวิทยา (คลินิก) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ปัจจุบันเป็น นักจิตวิทยาการปรึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา (ประสบการณ์การทำงาน 8 ปี)

และเป็นนักเขียนของ istrong


 
 

iSTRONG ผู้ให้บริการด้านสุขภาพจิต Solutions ด้านสุขภาพจิต ให้คำปรึกษาโดยนักจิตวิทยา นักจิตบำบัด นักจิตวิทยาคลินิกที่มีใบรับรอง รวมถึงบทความจิตวิทยา

© 2016-2025 Actualiz Co.,Ltd. All rights reserved.

contact@istrong.co                     Call 02-0268949

  • Facebook Social Icon
  • YouTube Social  Icon
  • Instagram
  • Twitter
bottom of page