นี่เราพลาดอะไรไปหรือเปล่า ? 4 วิธีรับมืออาการกลัวตกกระแส FOMO
คุณเป็นคนหนึ่งไหมคะ ที่ไม่ว่าโลก Social Media เขานิยมอะไรกัน คุณก็จะไม่พลาดที่จะไปเล่นหรือทำตาม อย่างที่เพิ่งเป็นกระแสเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็คือมินิเกม POPCAT ที่ป๊อบกันจนประเทศไทยขึ้นอันดับหนึ่งของโลกอย่างรวดเร็วกันเลยทีเดียว ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เขาฮิตกัน คุณจะไม่ยอมให้ตัวเองตกกระแสโดยเด็ดขาด และจะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองตกข่าวพูดกับใครไม่รู้เรื่อง จนต้องคอยเช็ค Social Media อยู่ตลอดเวลา บางครั้งก็เกาะกระแสจนไม่หลับไม่นอน หากเป็นอย่างนั้นคุณอาจกำลังมีอาการกลัวตกกระแส (Fear Of Missing Out : FOMO)
อาการกลัวตกกระแส (FOMO) จาก Urban Dictionary กล่าวว่า “เป็นการถูกกระตุ้นจากโพสต์ที่เห็นใน Social Media ทำให้รู้สึกว่าต้องกลับเข้าไปดูบ่อย ๆ” ซึ่งไม่ใช่แค่ความกังวลในเรื่องทั่วไปอย่างกระแสฮอตฮิตใน mobile app ต่าง ๆ ข่าวดารา หรือมินิเกมที่กำลังเป็นที่นิยม แต่ FOMO ยังรวมไปถึงนักศึกษาในวัยอุดมศึกษาที่มีความกังวลว่าตนเองจะถูกหลงลืมหรือพลาดอะไรที่คนอื่นรู้กันหมด ทั้งนี้ FOMO ไม่ใช่อาการหรือโรคทางจิตเวชแต่เป็นปรากฏการณ์ทางจิตใจ (Psychological Phenomena) ที่ทำให้บุคคลคิดว่า “มันอาจจะกำลังมีเรื่องดีและไม่ดีเกิดขึ้นอยู่บนโลกนี้ ซึ่งเราคงไม่รู้เลยถ้าเราไม่เข้าไปเช็ค Social ดูสักหน่อย”
โดยจากเว็บไซต์ของ RAMA Channel ได้เล่าถึงลักษณะของคนที่มีอาการ FOMO ไว้ดังนี้
กลัวการตกข่าว กลัวการตกกระแส
กลัวการไม่เป็นที่ยอมรับ เพราะคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง
กลัวไม่ได้เป็นคนสำคัญ จึงต้องคอยเช็คข่าวสารอยู่ตลอดเวลา จะได้รู้ก่อนและแชร์ก่อนใคร
ต้องการให้โพสต์ของตัวเองได้ยอดไลค์เยอะ ๆ
พอพลาดอะไรไป หรือไม่ได้ดังที่ใจหวังก็จะรู้สึกเครียดขึ้นมา
ชีวิตวนเวียนอยู่กับโลกออนไลน์ โดยไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเสพติด จนส่งผลต่อบุคลิกภาพและการพัฒนาอื่น ๆ
ซึ่งผลกระทบของอาการ FOMO ก็มีหลากหลายรูปแบบและหลายระดับด้วยกัน เช่น
ทนต่อความรู้สึกผิดหวังได้น้อยลง เมื่อมีคนไม่เห็นด้วยหรือตำหนิก็จะรู้สึกทนไม่ได้หรือโกรธแค้น
เสี่ยงต่อการเป็นโรคทางจิตเวช เช่น โรคหลงตัวเอง เพราะรู้สึกว่าตัวเองเจ๋งมีคนชอบเยอะ หรือโรคซึมเศร้า เพราะรู้สึกเปรียบเทียบกับคนอื่นเสมอและมักรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ
รับฟังคนอื่นได้น้อยลง
ในส่วนของวิธีการรับมือ ข้อมูลจาก King University Online ได้บอกไว้ดังนี้
1. ใช้ JOMO รับมือ FOMO โดย JOMO ย่อมาจากคำว่า “Joy Of Missing Out” ซึ่งหลักการนี้ใช้แนวทางของความฉลาดทางอารมณ์ในการรับมือกับอาการกลัวตกกระแสด้วยการ
ถอยห่างจากโลกออนไลน์บ้าง
ตระหนักถึงความสำคัญของความสัมพันธ์กับบุคคลจริง ๆ ที่มีคุณค่ามากกว่าความสัมพันธ์ในโลกออนไลน์
ทวงคืนเวลาที่เคยเสียไปกับโลกออนไลน์ให้ตัวเอง และดื่มด่ำกับช่วงเวลาที่ตัวเองไม่ได้อยู่ในโลกออนไลน์ (เช่น อาจจะหากิจกรรมรูปแบบอื่นทำเป็นการทดแทนอย่าง อ่านหนังสือ ออกกำลังกาย ทำงานศิลปะ ฯลฯ)
หาทางเลือกในการปลอบประโลมใจตัวเอง เนื่องจากคนที่ติดโลกออนไลน์นั้น อาจเป็นไปได้ว่าเกิดจากความรู้สึกไม่มีความสุขในโลกของความเป็นจริง จึงใช้โลกออนไลน์ในการทำให้ตัวเองรู้สึกดีมากขึ้น จึงมีแนวโน้มทำกิจกรรมที่ได้เคลื่อนไหวร่างกายน้อย หรือไม่มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ แต่หากบุคคลมีวิธีการอื่น ๆ ในการทำให้ตัวเองรู้สึกดีที่ไม่ใช่การฝังตัวเองอยู่ในโลกออนไลน์ ก็จะเป็นการช่วยให้ความรู้สึกกลัวตกกระแสลดลง
2. เผชิญหน้ากับความกังวลหรือความรู้สึกกลัวตกกระแสไปตรง ๆ เลย โดยอาจจะใช้วิธีตั้งคำถามกับตัวเองก็ได้ว่า “การตกกระแสจะทำให้เราเป็นยังไง” “ถ้าเราไม่ได้รับยอดไลค์เยอะ ๆ แล้วมันจะทำให้เราแย่ยังไง แล้วเราจะต้องเป็นแบบนั้นจริงหรือเปล่า”
3. ทำตารางเวลาให้กับตัวเองขึ้นมาว่าจะใช้เวลากับโลกออนไลน์เท่าใด และคอยสังเกตว่าตนเองทำได้ตามที่ระบุไว้ในตารางหรือไม่ โดยอาจกำกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างที่ตัวเองต้องทำตามตารางไว้ด้วย เพื่อให้สามารถสังเกตความรู้สึกของตัวเองได้มากขึ้น เช่น ยาก/ไม่สนุก ยาก/สนุก ง่าย/ไม่สนุก ง่าย/สนุก ฯลฯ
4. ฝึกตัวเองให้อยู่กับช่วงเวลาปัจจุบัน (here and now) ให้ได้มากขึ้น เนื่องจากความรู้สึกกังวลมักเกิดขึ้นเวลาที่บุคคลคิดคาดการณ์ล่วงหน้าไปถึงอนาคตว่าตัวเองจะเป็นแบบนั้นแบบนี้ การอยู่กับปัจจุบันจะช่วยให้บุคคลโฟกัสกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ได้มากขึ้น เช่น กำลังปลูกต้นไม้ก็จดจ่ออยู่กับต้นไม้ โดยไม่ไปคิดหมกมุ่นไปว่าตัวเองจะพลาดข่าวอะไรไปหรือเปล่า
อย่างไรก็ตาม หากคุณพบว่าอาการกลัวการตกกระแสกระทบกับคุณมากจริง ๆ เช่น หยุดดู Social Media ไม่ได้เลยจนสุขภาพกายได้รับผลกระทบ ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างอยู่ในระดับพัง หรือเริ่มมีอาการหงุดหงิดฉุนเฉียวที่ไม่ได้เข้าไปเช็ค Social Media ก็อย่าปล่อยผ่านเลยค่ะ เพราะมันอาจพัฒนาไปเป็นปัญหาสุขภาพจิตได้ แนะนำให้ลองปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเพื่อแก้ไขปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ ก่อนที่จะสายเกินแก้ค่ะ
สำหรับใครที่กำลังเครียด กังวล คิดมาก ทั้งเรื่องของปัญหา Burn Out จากการทำงาน ปัญหาความสัมพันธ์ต่างๆ ในครอบครัว คนรัก ไปจนถึงภาวะต่างๆ เช่น ซึมเศร้า ทุกปํญหาสำคัญและเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเราเสมอ
iSTRONG ยินดีให้บริการ ปรึกษาด้านสุขภาพจิตโดยผู้เชี่ยวชาญ ทั้งจากจิตแพทย์และนักจิตวิทยา ดูรายละเอียดได้ที่นี่
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
• บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
• คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
• EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong
บทความที่เกี่ยวข้อง
อ้างอิง
ประวัติผู้เขียน
นางสาวนิลุบล สุขวณิช (เฟิร์น) ปริญญาโทสาขาจิตวิทยาการปรึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ปริญญาตรีสาขาจิตวิทยา (คลินิก) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ปัจจุบันทำงานเป็น นักจิตวิทยาการปรึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
และเป็นนักเขียนของ istrong
Comments