top of page

5 เทคนิครักษาสุขภาพจิตในยุค Post New Normal ตามหลักจิตวิทยา REBT

iSTRONG 5 เทคนิครักษาสุขภาพจิตในยุค Post New Normal ตามหลักจิตวิทยา REBT

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 รัฐบาลได้ประกาศเป็นวันดีเดย์ในการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และนั่นก็เป็นสัญญาณว่าคนไทยกำลังเข้าสู่ยุค Post New Normal หลายท่านอาจจะสงสัยว่า “Post New Normal” คืออะไรกัน ตอนได้ยินครั้งแรกก็สงสัยเหมือนกันค่ะ


เพราะคนที่พูดคำนี้ให้ได้ยินเป็นคนแรกไม่ใช่นักวิชาการที่ไหน แต่เป็นสามีนักสังเกตการณ์ทางสังคมของดิฉันเอง สามีดิฉันได้ให้นิยามของ “Post New Normal” ไว้ว่า คือสภาพสังคมที่คนเราต้องกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ คือ กลับไปทำงาน กลับไปเรียน เที่ยวห้างสรรพสินค้าได้ ออกจากบ้านได้


แต่ทุกอย่างที่ว่าเหมือนจะปกติแต่ก็ไม่ปกติ เพราะต้องใช้ชีวิตแบบ New Normal คือ รักษาระยะห่างทางสังคม ไปพร้อม ๆ กับการใช้ชีวิตที่พยายามจะปกติ งงไหมคะทุกคน พูดง่าย ๆ เลยก็คือ กลับมาใช้ชีวิตปกติที่ไม่ปกติ เพราะยังต้อง New Normal ไปพร้อม ๆ กับการรักษาสมดุลในการทำกิจกรรมต่าง ๆ


ดังเช่นที่ว่ามาข้างต้น ซึ่งแน่นอนค่ะว่า การใช้ชีวิตแบบ “Post New Normal” สร้างความเครียดให้เราแน่นอน เพราะในขณะที่เราใช้ชีวิตให้ปกติ กลับมาเข้าสังคมจริง ๆ แต่เราก็ยังคงต้องรักษาระยะห่างเอาไว้ เพราะ Covid – 19 ตัวร้าย ก็ยังไม่เบาให้เราเลย บทความนี้จึงขออนุญาตนำ 5 เทคนิค เพื่อรักษาสุขภาพจิตในยุค Post New Normal ตามหลักจิตวิทยา ที่เรียกว่า REBT มาฝากทุกคนกันค่ะ

สำหรับเทคนิคจิตวิทยา REBT บทความของเราได้เคยกล่าวถึงมาแล้วหลายครั้ง ใจความโดยสรุปของเทคนิค REBT ก็คือ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและอารมณ์ที่เกิดขึ้นต่อสถานการณ์หนึ่งโดยการเปลี่ยนแปลงความคิด ความเชื่อของบุคคลค่ะ


เช่น คุณแม่ท่านหนึ่งที่ลูกวัยประถมศึกษาที่ยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกัน Covid – 19 ใด ๆ ต้องกลับไปโรงเรียน ทำให้คุณแม่มีความเครียดสูงเพราะเชื่อว่า ลูกจะติดเชื้อ Covid – 19 จากโรงเรียน ทำให้คุณแม่เกิดพฤติกรรมตามติดชีวิตลูก


คือ ซื้ออุปกรณ์ป้องกันทุกอย่างให้ลูก ไปส่งลูกด้วยตัวเองที่โรงเรียน ท่องจำ หรือคอยเช็กตารางเรียนของลูก และคอยไลน์ถามทางคุณครูว่าในแต่ละวิชาลูกเป็นอย่างไรบ้าง มีความผิดปกติหรือไม่ และเมื่อลูกเลิกเรียนก็ไปรับด้วยตนเองอีกเช่นกัน


พร้อมอุปกรณ์วัดไข้ และทำ ATK หลังเลิกเรียน ซึ่งแน่นอนค่ะ พฤติกรรมของคุณแม่ท่านนี้นอกจากจะสร้างความเครียดให้ตนเองแล้ว ยังทำให้ลูก สามี และคุณครูที่โรงเรียน หรืออาจรวมไปถึงเพื่อนบ้าน เครียดตามไปด้วย โดยเมื่อนำพฤติกรรมที่เป็นปัญหาของคุณแม่ท่านนี้มาวิเคราะห์ตามหลักจิตวิทยา REBT ก็สามารถวิเคราะห์ได้ว่า


  • B – Behavior (พฤติกรรมที่เป็นปัญหา) = ตามติดชีวิตลูก และห่ววงใยในความปลอดภับของลูกอย่างมาก

  • E – Emotive (อารมณ์ที่ตอบสนองต่อความเชื่อ หรือพฤติกรรม) = มีความเครียดสูง

  • R – Rational (ความเชื่อที่ก่อให้เกิดอารมณ์และพฤติกรรมที่เป็นปัญหา) = เชื่อว่าลูกจะติดเชื้อ Covid – 19 จากโรงเรียน


ดังนั้น หากเราจะแก้พฤติกรรมที่ก่อให้เกิดปัญหาของคุณแม่ท่านดังกล่าว เราต้องแก้ไขตามลำดับ คือ R, E, และ B โดยการพิสูจน์ความเชื่อ (R) ของคุณแม่ก่อนค่ะ


วิธีการก็อาจจะเป็นการนำผลการตรวจ ATK ของนักเรียน ครู และบุคลากรในโรงเรียนมายืนยันกับคุณแม่ทุกสัปดาห์ เพื่อให้คุณแม่มีความเครียดลดลง (E) หรือทางโรงเรียนมีมาตรการป้องกัน Covid – 19 ที่ชัดเจน รวมถึงมีมาตรการรองรับเมื่อเด็กติด Covid - 19 เพื่อให้คุณแม่ตามติดชีวิตลูกน้อยลง (B) เพราะสบายใจมากขึ้นนั่นเองค่ะ


จากกรณีตัวอย่าง จะเห็นได้ว่าการนำหลักจิตวิทยา REBT มาปรับใช้ในสถานการณ์ที่เราต้องใช้ชีวิตแบบ “Post New Normal” นั้น สามารถรักษาสุขภาพจิตของเราให้มีความปกติสุขได้ โดยในบทความจิตวิทยานี้ ขอนำเสนอการนำหลัก REBT มาปรับใช้ 5 เทนิค ด้วยกัน ดังนี้ค่ะ


1. พิสูจน์ความจริง ก่อนเชื่อ (Rational ; R)

ด้วยความรวดเร็วและความสะดวกในการเข้าถึงสื่อต่าง ๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต ทำให้ข่าวทั้งหลายแพร่ไวมากค่ะ ทั้งข่าวจริง ข่าวลือ ข่าวรั่ว โดยเฉพาะข่าวเกี่ยวกับ Covid – 19 จนเราไม่รู้ว่าจะเชื่อข่าวไหนได้บ้าง


ซึ่งทางหน่วยงานของรัฐก็มีความพยายามแก้ไขการเผยแพร่ข่าวปลอมผ่านแคมเปญ “เช็กก่อนแชร์” เพื่อกรองข่าวสารให้คนไทยรับข่าวที่เป็นจริงมากที่สุด ซึ่งกลุ่มที่มีความลำบากในการพิสูจน์ความจริงของสถานการณ์ก็มักจะเป็นผู้สูงวัย


เพราะข้อจำกัดในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วย การตามไม่ทันสื่อออนไลน์ด้วย เพราะฉะนั้น ก่อนจะเชื่ออะไรขอให้พิสูจน์ความจริงก่อนนะคะ ว่าข้อมูลที่เรารู้มาจริงแท้หรือแค่มั่วนิ่ม


2. คิดเป็นเหตุ และผลก่อนเสมอ (Rational ; R)

ในสถานการณ์ที่เราไม่สามารถพิสูจน์ความจริงได้ว่าข้อมูลที่รับรู้มานั้นจริงเท็จแค่ไหน ก็ขอให้คุณยึดหลักเหตุผลเป็นสำคัญนะคะ ว่าสิ่งที่รับรู้มานั้นสมเหตุสมผลหรือไม่


เช่น การอบน้ำสมุนไพรต้าน Covid – 19 ลองมาคิดเล่น ๆ ว่าพริก ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มีสารระเหยใดที่สามารถต้าน Covid – 19 ได้จริงหรือไม่ เพราะถ้าทำได้จริงทุกโรงพยาบาลสนามน่าจะมีห้องอบสมุนไพรแล้ว


หรือการฉีดวัคซีน Covid – 19 แล้วจะไม่รับเชื้อ Covid – 19 ซึ่งตามหลักการแพทย์แล้ว วัคซีนคือการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย แต่ไม่ได้รับรองว่าเราจะไม่รับเชื้อ เพียงแต่รับเชื้อแล้วไม่ป่วยหนักค่ะ


3. ฝึกสติ (Rational ; R)

ใด ๆ ในโลกล้วนอยู่รอดด้วยสติค่ะ เพราะเมื่อสติมา ปัญญาก็เกิด ยิ่งเมื่อเราต้องใช้ชีวิตแบบ “Post New Normal” หรือการอยู่กับความไม่ปกติให้ปกติด้วยแล้ว เรายิ่งต้องมีสติค่ะ


เพราะต้องดูแลตัวเองจากเชื้อ Covid – 19 ต้องรักษาระยะห่างทางสังคม ไปพร้อม ๆ กับการรักษาสมดุลชีวิตในด้านอื่น ๆ เช่น การทำงาน การเข้าเรียน การเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม การเดินทาง การพักผ่อนนอกบ้าน เพื่อรักษาสุขภาพจิตของเราให้ปกติสุขที่สุดนั่นเองค่ะ


4. รู้เท่าทันอารมณ์ (Emotive ; E)

อารมณ์และความรู้สึกที่พบบ่อยที่สุดในภาวะ “Post New Normal” ก็คือ ความเครียด วิตกกังวล เพราะ Covid – 19 ก็ยังมี (เยอะมากด้วย) แต่งานก็ต้องไปทำ เรียนก็ต้องเรียน การเดินทางก็กลับมาเบียดเสียด


โดยเฉพาะสำหรับคนที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ตอนนี้ไม่ได้ต่างจากตอนก่อนมี Covid – 19 เลยค่ะ เพราะฉะนั้น หากเรารู้ทันว่าตอนนี้เรารู้สึกอย่างไรได้ เราก็สามารถจัดการกับอารมณ์ในตอนนั้นได้เลย เช่น พาตัวเองออกมาจากสถานการณ์ หายใจเข้า - ออกลึก ๆ หาวิธีแก้ไขปัญหาอื่น ๆ ที่เหมาะสม เป็นต้น


5. หมั่นสังเกตพฤติกรรมตนเอง (Behavior ; B)

และวิธีสุดท้ายที่ขอแนะนำในบทความจิตวิทยานี้ ก็คือ การหมั่นสังเกตพฤติกรรมของเราเองค่ะ ว่าเสี่ยงต่อการที่จะทำให้เราเจ็บป่วยทางจิต หรือทำร้ายสุขภาพจิต สุขภาพกายของเราเองอยู่หรือไม่


เช่น แยกตัวเองออกจากคนอื่น เก็บตัวอยู่ในบ้าน กินวิตามินทุกชนิดที่มี ซึ่งพฤติกรรมที่ว่ามานี้คงทำให้เห็นภาพชัดเจนว่าทำร้ายเราได้ทั้งร่างกายและจิตใจเลยค่ะ ดังนั้น หากเรารู้ทันพฤติกรรมตัวเราเองและปรับให้เหมาะสมเสียก่อน ปัญหาต่าง ๆ ก็จะไม่เกิด หรือลดน้อยลงไปได้มากค่ะ


ดูจากสถานการณ์หลาย ๆ อย่างแล้ว ดิฉันคิดว่าเราทุกคนต้องใช้ชีวิตแบบ “Post New Normal” ไปอีกสักพักใหญ่ ๆ กันเลยค่ะ เพราะฉะนั้น อย่าลืมดูแลสุขภาพกายและใจของตัวเองด้วยนะคะ หากมีเรื่องไม่สบายใจ หรือไม่รุ้จะปรึกษาใคร iSTRONG พร้อมรับฟังคุณเสมอนะคะ

 

iSTRONG Mental Health

ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร


บริการของเรา

สำหรับบุคคลทั่วไป

• บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa

• คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS


สำหรับองค์กร

• EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8


โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong

 

บทความที่เกี่ยวข้อง : สอนลูกให้ปรับตัวต่อ New Normal ด้วยหลัก REBT (https://www.istrong.co/single-post/the-new-normal)

 

ประวัติผู้เขียน : จันทมา ช่างสลัก

บัณฑิตสาขาวิชาเอกจิตวิทยาคลินิก เกียรตินิยมอันดับ 2 จากรั้ว มช. และมหาบัณฑิตด้านการพัฒนาสังคม NIDA มีประสบการณ์ด้านจิตวิทยาเด็ก 4 ปี เป็นผู้ช่วยนักวิจัย ด้านจิตวิทยา 1 ปี ปัจจุบันเป็นนักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ และคุณแม่ของลูก 1 คน แมว 1 ตัว ที่ประยุกต์ใช้ศาสตร์ทางจิตวิทยาในการใช้ชีวิต


iSTRONG ผู้ให้บริการด้านสุขภาพจิต Solutions ด้านสุขภาพจิต ให้คำปรึกษาโดยนักจิตวิทยา นักจิตบำบัด นักจิตวิทยาคลินิกที่มีใบรับรอง รวมถึงบทความจิตวิทยา

© 2016-2025 Actualiz Co.,Ltd. All rights reserved.

contact@istrong.co                     Call 02-0268949

  • Facebook Social Icon
  • YouTube Social  Icon
  • Instagram
  • Twitter
bottom of page