top of page

เสพข่าวที่เป็นลบมากเกินไป อาจกระทบต่อสภาพจิตใจจนเกิดความเครียดได้

Updated: Mar 16

iSTRONG เสพข่าวที่เป็นลบมากเกินไปอาจกระทบต่อสภาพจิตใจจนเกิดความเครียดได้

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คอยอัพเดทข่าวสารเป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าจะด้วยเพราะต้องการทันต่อเหตุการณ์ กลัวคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง หรือเล่นโซเชียลแล้วมันเด้งขึ้นมาเองโดยที่ไม่ได้ตั้งใจอยากจะเห็นข่าวนั้นก็ตาม คุณก็จะได้เห็นความเป็นไปของโลกใบนี้


โดยเฉพาะในประเทศไทยของเราที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายตั้งแต่อุบัติเหตุบนท้องถนน สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ราคาสินค้าค่าครองชีพที่สูงขึ้น ข่าวอาชญากรรมรอบโลก หรือข่าวดราม่าที่สร้างกระแสความเกลียดชัง


ซึ่งข่าวที่เราถูกป้อนให้เห็นจากโลกออนไลน์ก็มักจะเป็นข่าวที่เป็นลบมากกว่าข่าวดี ดังนั้น ในยุคสมัยที่ทุกคนสามารถเข้าถึงข่าวสารได้อย่างง่ายดายมากขึ้น โอกาสที่จะเกิดความเครียดก็จะยิ่งมีมากขึ้นตามไปด้วย


หลายคนอาจยังไม่รู้ว่ามนุษย์เรานั้นสามารถเกิดความเครียดและมีบาดแผลทางใจได้แม้ว่าจะไม่ได้เผชิญกับเหตุการณ์เลวร้ายด้วยตนเอง ซึ่งสิ่งนี้เรียกว่า “vicarious traumatization” หรือบางแหล่งก็เรียกว่า “secondary trauma”


หมายถึง บาดแผลทางใจจากการที่ได้ไปร่วมรับรู้เรื่องราวอันเจ็บปวดบอบช้ำของคนอื่นบ่อย ๆ มักจะเกิดขึ้นกับบุคลากรด่านหน้า เช่น แพทย์ พยาบาล หน่วยฉุกเฉิน นักจิตบำบัด และยังรวมไปถึงคนที่เสพข่าวเข้าไปเป็นจำนวนมากจนทำให้กลายเป็นเหมือนพยานรู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด


รวมไปถึงได้รับรู้ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหายแม้ว่าจะไม่เคยรู้จักกันเป็นส่วนตัวก็ตาม นอกจากนั้น หากข่าวที่เสพมีเนื้อหาเรื่องราวที่คล้ายคลึงกับประสบการณ์อันเจ็บปวดของตนเอง ข่าวดังกล่าวก็อาจจะกลายเป็นตัวที่ไปเปิดแผลเก่าขึ้นมาได้ ทำให้บาดแผลทางใจที่เคยจางลงไปบ้างแล้วกลับรู้สึกขึ้นมาอีกครั้ง


จะรู้ได้อย่างไรว่าตนเองเริ่มมีความเครียดจากการเสพข่าวที่เป็นลบมากเกินไป?

  • เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าทางอารมณ์

  • มีความวิตกกังวลและหดหู่ซึมเศร้า

  • รู้สึกสิ้นหวัง

  • เริ่มมองตัวเองในทางไม่ดี ตำหนิตัวเอง

  • มีปัญหาเกี่ยวกับการรับประทานอาหารและการนอนหลับ


ซึ่งหากคุณประเมินตนเองแล้วพบว่ามีอาการดังกล่าว สิ่งแรก ๆ ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตนเองโดยทันทีมีดังนี้


1. จัดเวลาในการทำสิ่งต่าง ๆ สำหรับตนเอง

คุณควรจัดเวลาให้ตนเองได้มีโอกาสทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่หลากหลาย เพื่อไม่ได้ตนเองใช้เวลาไปกับโลกของข่าวสารมากเกินไป ทั้งนี้ ข้อมูลของ Computers in Human Behavior ที่ตีพิมพ์ในปี 2021 ได้ระบุว่า


การเสพข่าวมากจนเกินไปนั้นมีความสัมพันธ์กับการเป็นโรคซึมเศร้ารวมไปถึงการเกิด secondary trauma ของผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองอู่ฮั่นในช่วงที่สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เกิดขึ้นอย่างหนัก


2. อย่าลืมฟังเสียงร่างกายตัวเองบ้าง

บ่อยครั้งที่คนเราไม่รู้ตัวว่ากำลังมีความเครียด เพราะอาจจะไม่ทันสังเกตว่าช่วงนี้มีเรื่องเครียดอะไรบ้าง หรือหมดเวลาไปกับการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ จนไม่ได้ดูแลจิตใจตนเองเลย แต่แม้จิตใจจะไม่ได้บอกตรง ๆ ว่ากำลังมีความเครียดเกิดขึ้นแล้ว


แต่ร่างกายจะคอยช่วยส่งสัญญาณเตือนอยู่เสมอ เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ เหงื่อออกมากผิดปกติ ฯลฯ ถ้าหากร่างกายส่งสัญญาณมาแล้ว ก็หมายความว่าคุณควรเริ่มต้นหันมาดูแลตนเองได้แล้ว


3. ให้อารมณ์ระบายออกมาผ่านพฤติกรรมที่สร้างสรรค์

นอกจากคนส่วนใหญ่จะไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังมีความเครียดแล้ว ยังอาจไม่รู้ด้วยว่าตนเองกำลังมีความรู้สึกนึกคิดอย่างไร จึงทำให้กลายเป็นความหงุดหงิดแบบไม่มีเหตุผล ดังนั้น คุณควรหมั่นสังเกตตัวเองว่าคุณกำลังมีอารมณ์อะไรเกิดขึ้นอยู่


เช่น โกรธ เบื่อหน่าย รำคาญ ไม่พอใจ จากนั้นก็หาช่องทางให้อารมณ์ต่าง ๆ เหล่านั้นได้มีพื้นที่ระบายออกมาผ่านพฤติกรรมที่สร้างสรรค์ เช่น เขียนออกมาในลักษณะของไดอารี เป็นต้น


4. ในกรณีที่บุตรหลานของคุณเกิดความเครียดจากการเสพข่าว

  • หมั่นสังเกตพฤติกรรมการเสพข่าวของบุตรหลานให้อยู่ในสายตา

  • ชวนให้บุตรหลานใช้โซเชียลมีเดียเป็นเวลา โดยคุณเองก็ต้องเป็นตัวอย่างให้แก่บุตรหลานด้วยเช่นกัน

  • สร้างสัมพันธ์ที่ดีกับบุตรหลาน เป็นผู้ฟังที่ดีและหมั่นพูดคุยกับบุตรหลานเกี่ยวกับข่าวที่เขากำลังสนใจ


5. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

หากคุณมีอาการต่าง ๆ ตามด้านล่างนี้ และพบว่าอาการที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อสภาพจิตใจและการใช้ชีวิตประจำวันของคุณ โปรดอย่าละเลยและไม่ควรนิ่งนอนใจ แต่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

  • การรับประทานอาหารเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยรับประทานมากขึ้นหรือน้อยลง

  • พลังงานหรือปริมาณกิจกรรมที่ทำในแต่ละวันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

  • มีอาการปวดศีรษะ ปวดท้อง ปวดเมื่อย หรือมีผื่นขึ้นตามร่างกาย

  • รู้สึกโมโห เศร้า กลัว กังวล ไม่สบายใจ หรือไม่มีความรู้สึกยินดียินร้าย

  • มีปัญหาในการตั้งสมาธิ หรือการตัดสินใจแย่ลง

  • มีปัญหาในการนอนหลับ หรือฝันร้าย

  • มีความต้องการดื่มสุรา สูบบุหรี่ หรือใช้สารเสพติดมากขึ้นกว่าเดิม

  • ป่วยเรื้อรัง หรือป่วยบ่อยขึ้น


การเสพข่าวนั้นอาจช่วยให้คุณไม่ตกข่าวและมีความรู้เพิ่มเติมขึ้นมาได้ แต่ในขณะเดียวกันก็อย่าลืมเลือกประเภทของข่าวสารที่คุณจะเสพ รวมไปถึงจัดแบ่งเวลาในการเสพข่าวสารและการใช้โซเชียลมีเดียอย่างพอดี เพื่อที่จะได้ห่างไกลจากความเครียด และลดโอกาสการเกิดบาดแผลทางใจแบบ “vicarious traumatization” หรือ “secondary trauma” ที่อาจกระทบต่อสภาพจิตใจจนเกิดความเครียดได้

iSTRONG Mental Health

ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร


บริการของเรา

สำหรับบุคคลทั่วไป

• บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa

• คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS


สำหรับองค์กร

• EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8


โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong

อ้างอิง



บทความที่เกี่ยวข้อง

ประวัติผู้เขียน

นางสาวนิลุบล สุขวณิช (เฟิร์น) ปริญญาโทสาขาจิตวิทยาการปรึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ปริญญาตรีสาขาจิตวิทยา (คลินิก) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ปัจจุบันเป็น นักจิตวิทยาการปรึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา (พ.ศ. 2555 – ปัจจุบัน)

และเป็นนักเขียนของ istrong


iSTRONG ผู้ให้บริการด้านสุขภาพจิต Solutions ด้านสุขภาพจิต ให้คำปรึกษาโดยนักจิตวิทยา นักจิตบำบัด นักจิตวิทยาคลินิกที่มีใบรับรอง รวมถึงบทความจิตวิทยา

© 2016-2025 Actualiz Co.,Ltd. All rights reserved.

contact@istrong.co                     Call 02-0268949

  • Facebook Social Icon
  • YouTube Social  Icon
  • Instagram
  • Twitter
bottom of page