"สมองวัยรุ่น: ทำไมการตัดสินใจของพวกเขาถึงแตกต่าง?"
- นิลุบล สุขวณิช
- Jul 9
- 1 min read

หากคุณเป็นคนที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่คนหนึ่ง ผู้เขียนอยากจะถามคุณว่าเคยมีอย่างน้อยสักครั้งไหมคะที่คุณอ่านข่าวเกี่ยวกับวัยรุ่นแล้วเกิดความสงสัยว่า “ทำไมถึงทำแบบนั้น?” เช่น ทำไมถึงสูบบุหรี่ไฟฟ้าทั้งที่อายุแค่ 12-13 ปี?
ทำไมถึงดั้นด้นไปหาคนคุยทางออนไลน์ถึงต่างจังหวัดทั้งที่ไม่เคยเช็คเลยว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาคือใคร? และอาจจะมีหลายครั้งที่เผลอตัดสินไปว่าการกระทำของวัยรุ่นมันช่างโง่เง่าเหลือเกิน ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงคิดไม่ได้?
แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากย้อนมองกลับไปในอดีตอย่างยอมรับความจริง ผู้ใหญ่อย่างพวกเราก็จะพบว่ามีหลายต่อหลายครั้งที่เราเคยทำเรื่องที่ไม่น่าจะทำและดันไม่ทำเรื่องที่ควรจะทำเมื่อสมัยที่เราเป็นวัยรุ่น ที่มันเป็นแบบนั้นก็เพราะว่าสมองวัยรุ่นไม่ว่าจะยุคใดสมัยใดมีการทำงานที่ต่างไปจากสมองของผู้ใหญ่เต็มวัย
ในบทความนี้ผู้เขียนจึงอยากชวนให้ทุกคนทำความเข้าใจเกี่ยวกับสมองวัยรุ่น เพื่อนำไปสู่ความเข้าใจวัยรุ่นที่มากขึ้นและลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างคุณและวัยรุ่นลง
ทำความรู้จักกับสมองสองระบบ
นักวิทยาศาสตร์พบว่ามีสมองอยู่สองระบบที่ส่งผลให้วัยรุ่นมีการตัดสินใจที่แตกต่าง ได้แก่ “amygdala” ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการตอบสนองต่อสิ่งเร้าแบบทันทีทันใดที่รวมถึงความกลัวและพฤติกรรมก้าวร้าว โดยสมองส่วนนี้จะพัฒนาก่อนและพัฒนาเต็มที่แล้วตั้งแต่วัยรุ่น
ในขณะที่สมองส่วน “frontal cortex” ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการใช้เหตุผล การคิดให้รอบคอบก่อนลงมือทำ จะพัฒนาขึ้นมาทีหลังและกว่าจะพัฒนาเต็มที่ก็จะต้องใช้เวลาไปจนถึงวัยผู้ใหญ่
นอกจากนั้น ยังมีการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในสมองช่วงวัยรุ่นก็คือการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมองที่ทำให้เส้นทางการสื่อสารของระบบประสาทมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเซลล์ประสาทจะพัฒนา “myelin” ซึ่งเป็นเหมือนฉนวนที่ทำให้เซลล์สามารถสื่อสารกันได้ การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลต่อการพัฒนาความคิด การกระทำ และพฤติกรรม
ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสมองของวัยรุ่นจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้วัยรุ่นตัดสินใจหรือคิดแตกต่างจากคนในวัยผู้ใหญ่ ทำให้วัยรุ่นมักจะมีแนวโน้มเป็นดังนี้
ทำอะไรโดยไม่คิดหรือไม่มีการยับยั้งชั่งใจ
เข้าใจหรือตีความสัญญาณทางสังคมหรืออารมณ์ของผู้อื่นผิดไป (เช่น สีหน้าแววตา คำพูด)
มีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทุกรูปแบบ
มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับคนอื่น
ชอบทำอะไรเสี่ยง ๆ
ในทางกลับกัน วัยรุ่นส่วนใหญ่มักมีแนวโน้มที่จะไม่มีพฤติกรรมเหล่านี้
คิดก่อนลงมือทำ
หยุดคิดพิจารณาถึงผลกระทบของสิ่งที่ตัวเองกำลังจะทำ
เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเองในส่วนที่จะนำไปสู่อันตรายหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
การเปลี่ยนผ่านจากวัยเด็กมาเป็นวัยรุ่นซึ่งเป็นช่วงตรงกลางระหว่างวัยเด็กกับวัยผู้ใหญ่ วัยรุ่นจึงต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงไม่ใช่แค่ทางร่างกายแต่ยังมีการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจและทางสังคมเกิดขึ้นอย่างมากอีกด้วย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทุกด้านอย่างรวดเร็วส่งผลให้วัยรุ่นเป็นช่วงวัยที่มีความเปราะบางและมีปัญหาในการปรับตัวเกิดขึ้น
ทั้งนี้ อ้างถึงข้อมูลของศูนย์สถิติด้านสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (National Center for Health Statistics) พบว่า ในแต่ละปีจะมีวัยรุ่นอเมริกันกว่า 13,000 คนที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจากการขับขี่ยานพาหนะ การบาดเจ็บโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ การถูกฆาตกรรม และการฆ่าตัวตาย
และจากการสำรวจพฤติกรรมเสี่ยงของเยาวชนในสหรัฐอเมริกาในปี 2005 พบแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของวัยรุ่นที่เมาแล้วขับหรือไม่สวมเข็มขัดนิรภัย การพกพาอาวุธ การใช้สารเสพติด การมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน การท้องไม่พร้อม การติดโรคติดต่อที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ซึ่งรวมถึงโรคเอดส์
โดยการสำรวจนี้จัดขึ้นทุก ๆ 2 ปี (ในประเทศสหรัฐอเมริกา) และมุ่งหวังที่จะเก็บข้อมูลเพื่อช่วยให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถพัฒนาโปรแกรม/นโยบายต่าง ๆ ที่จะช่วยป้องกันและลดพฤติกรรมเสี่ยงในกลุ่มวัยรุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากปัจจัยด้านสมองวัยรุ่นแล้ว ในด้านสังคม “กลุ่มเพื่อน” ก็มีอิทธิพลต่อวัยรุ่นมาก ยิ่งวัยรุ่นต้องการได้รับความสนใจจากเพื่อนมากเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสเกิดพฤติกรรมเสี่ยงได้มากเท่านั้น โดย Laurence Steinberg นักจิตวิทยา ได้พบข้อมูลว่า วัยรุ่นมีแนวโน้มที่จะทำพฤติกรรมเสี่ยงมากขึ้นเมื่อไปกับเพื่อน ๆ “กลุ่มเพื่อนคือรางวัลที่มีคุณค่าอย่างมากสำหรับวัยรุ่น” Steinberg กล่าว
ผู้ใหญ่จะมีส่วนช่วยในการส่งเสริมพัฒนาการทางสมองของวัยรุ่นได้อย่างไรบ้าง?
สร้างสมดุลระหว่างการให้ความรักความอบอุ่น การสนับสนุนช่วยเหลือและการสร้างขอบเขต การกำหนดข้อตกลงกติกาภายในบ้าน
ส่งเสริมให้ลูกมีประสบการณ์ที่ดี เช่น ทำงานศิลปะ เล่นกีฬา
สร้างนิสัยการนอนหลับที่ดี เช่น อาบน้ำอุ่น ๆ หรืออ่านหนังสือก่อนนอน ตั้งค่า night mode ในมือถือ
ส่งเสริมให้ลูกมีไลฟ์สไตล์แบบแอคทีฟ ซึ่งไม่ใช่แค่การออกกำลังกายแต่เป็นการทำกิจกรรมครอบครัวด้วยกัน
ใช้อาหารเป็นตัวช่วยโดยเลือกเมนูที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย รวมไปถึงทำอาหารด้วยกันกับลูก
ช่วยให้ลูกสามารถจัดการกับความเครียดของตัวเองโดยใช้เทคนิคต่าง ๆ เช่น เล่นโยคะ เขียนบันทึก
ป้องกันสมองจากการบาดเจ็บ เช่น ดูแลไม่ให้ลูกใช้สารเสพติด ให้ลูกสวมเข็มขัดนิรภัย/หมวกกันน็อค รวมถึงเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกในสิ่งเหล่านั้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เห็นว่าสภาพสังคมยุคใหม่นั้นทั้งเร่งรีบและมีความกดดันแข่งขันกันสูงขึ้น และแม้ว่า Social Media จะช่วยย่อโลกให้ผู้คนติดต่อเข้าถึงกันง่ายขึ้นแต่มันกลับทำให้เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงามากขึ้นอย่างแปลก ๆ สิ่งสำคัญที่ควรพัฒนาให้มีในโลกอนาคตจึงไม่ควรเป็นไปแค่ในทางวัตถุแต่ควรมีนวัตกรรมสร้างภูมิคุ้มกันทางใจให้กับผู้คนเพื่อรับมือกับภัยเงียบที่เกิดจากการใช้ชีวิตอยู่ในโลกโซเชียลมากจนเกินไป
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong
บทความที่เกี่ยวข้อง
อ้างอิง:
Teen Brain: Behavior, Problem Solving, and Decision Making.
The Adolescent Brain.
Retrieved from https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC2475802/
Adolescent Brain Development and Risk Taking.
Retrieved from https://actforyouth.net/adolescence/brain.cfm
7 Ways to Support Teen Brain Growth.
Retrieved from https://parentandteen.com/support-teen-brain-growth/
ประวัติผู้เขียน
นิลุบล สุขวณิช (เฟิร์น) เคยมีประสบการณ์ทำงานเป็นนักจิตวิทยาการปรึกษาในมหาวิทยาลัยและเป็นวิทยากรเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิต/การพัฒนาตนเองให้แก่นักศึกษาเป็นเวลา 11 ปี ปัจจุบันเป็นนักเขียนบทความให้กับ ISTRONG และเป็นทาสแมวคนหนึ่ง
Nilubon Sukawanich (Fern) have had experience working as a counseling psychologist at a university and as a speaker on mental health issues and self-development for students for 11 years. Currently, I am a writer for ISTRONG and a cat slave.
