การปฐมพยาบาลทางใจ: ทำไม HR ต้องมีทักษะด้านสุขภาพใจในยุคนี้

หากอยู่ ๆ ก็มีพนักงานคนหนึ่งอารมณ์หลุด ควบคุมตัวเองไม่อยู่ ปล่อยโฮกลางออฟฟิศ แน่นอนว่าหนึ่งในคนที่ถูกคาดหวังให้รีบเข้ามาช่วยคลี่คลายสถานการณ์ ก็คือ HR ในฐานะมืออาชีพด้าน HR คุณอาจต้องสวมหมวกหลายใบทุกวัน - ทั้งต้องค้นหาและรักษาคนเก่ง ผู้ไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง ผู้บังคับใช้นโยบาย และมักเป็นที่ปรึกษาให้กับพนักงานในหลายๆ เรื่อง
แต่คุณอาจสังเกตเห็นเทรนด์ที่กำลังเติบโต นั่นคือ พนักงานหันมาปรึกษา HR มากขึ้นเมื่อพวกเขาเจอปัญหาด้านสุขภาพใจ ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะพวกเขาไว้ใจคุณไงล่ะ
แม้ว่าโปรแกรมช่วยเหลือพนักงาน (EAP: Employee Assistance Program) และนักจิตวิทยามืออาชีพจะสำคัญ แต่ความจริงก็คือพนักงานจำนวนมากไม่เคยเข้าถึงบริการเหล่านี้เลย พวกเขากลับมาหาคุณ - คนที่พวกเขามองว่าเข้าถึงง่ายกว่า เป็นมิตรกว่า เป็นกลาง และเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท นี่แหละที่ทักษะการปฐมพยาบาลทางใจ (Mental Health First-aid) เข้ามามีบทบาท
มาดูกันว่าทำไมชุดทักษะนี้ถึงสำคัญสำหรับมืออาชีพด้าน HR และช่วยให้คุณสนับสนุนพนักงานได้ดีขึ้นอย่างไร
ทำไมในบางบริษัทพนักงานถึงไว้ใจ HR มากกว่า
ความคุ้นเคย - ส่วนใหญ่ HR เป็นคนที่เข้าถึงได้ง่าย และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพนักงานอยู่แล้ว คุณมักเป็นคนแรกที่พนักงานนึกถึงเวลามีปัญหาในที่ทำงาน (รวมถึงหัวหน้างานเองก็มักจะนึกถึงคุณก่อน เวลามีประเด็นเรื่องพนักงาน) ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกสบายใจที่จะเปิดใจคุยกับคุณเรื่องส่วนตัวด้วย
มองว่าเป็นกลาง - ต่างจากผู้จัดการหรือหัวหน้างานที่อาจถูกมองว่ามีระยะห่างของตำแหน่ง แต่ HR ถูกมองว่าเป็นคนกลาง พนักงานมักรู้สึกปลอดภัยที่จะคุยเรื่องละเอียดอ่อนอย่างความเครียด ความวิตกกังวล หรือภาวะหมดไฟกับคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานประจำวันของพวกเขาโดยตรง
กลัวการถูกตีตราหากคุยกับนักจิตวิทยา - พนักงานอาจลังเลที่จะขอความช่วยเหลือผ่าน EAP เพราะกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวหรือการถูกตีตรา พวกเขามักจะเลือกปรึกษา HR มากกว่าเพราะเชื่อว่าการพูดคุยจะเป็นความลับและไม่เป็นทางการ
สถานการณ์นี้ทำให้มืออาชีพด้าน HR อยู่ในตำแหน่งที่พิเศษแต่ท้าทาย - คุณคือด่านแรกในการช่วยเหลือด้านสุขภาพใจหรือความไม่สบายใจของพนักงาน ไม่ว่าคุณจะได้รับการฝึกอบรมมาหรือไม่ก็ตาม
การปฐมพยาบาลทางใจคืออะไร?
การปฐมพยาบาลทางใจ (Mental Health First-aid) คือการปฐมพยาบาลทางอารมณ์เทียบเท่ากับการปฐมพยาบาลทางร่างกาย เป็นเรื่องของการรู้จักสัญญาณของปัญหาสุขภาพใจ การให้การสนับสนุนทันที และการแนะนำบุคคลไปยังแหล่งช่วยเหลือที่เหมาะสม
การปฐมพยาบาลทางใจไม่ใช่การบำบัด คุณไม่ได้วินิจฉัยหรือรักษาใคร
เป็นเรื่องของการสร้างความไว้ใจ ทักษะการปฐมพยาบาลทางใจช่วยให้คุณสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้พนักงานแบ่งปันความกังวลและเป็นก้าวแรกสู่การขอความช่วยเหลือ
ทำไม HR ถึงต้องมีทักษะปฐมพยาบาลทางใจ
คุณมักถูกคาดหวังให้มารับมือกับเรื่องเหล่านี้เป็นคนแรก ๆ อยู่แล้ว
หากไม่มีการทักษะการปฐมพยาบาลทางใจคุณอาจไม่แน่ใจว่าควรพูดหรือทำอะไรเมื่อพนักงานมาปรึกษา นี่อาจนำไปสู่การตอบกลับที่ตั้งใจดีแต่ไม่เพียงพอ เช่น
ให้คำแนะนำแทนที่จะรับฟังอย่างเข้าใจจริง ๆ
รับปากว่าจะแก้ปัญหาให้ทั้งที่ทำไม่ได้
รีบส่งต่อพนักงานไปยัง EAP โดยไม่ตอบสนองความต้องการความเห็นอกเห็นใจที่เขาต้องการในขณะนั้น
ทักษะการปฐมพยาบาลทางใจเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณรับมือกับการสนทนาเหล่านี้อย่างใจเย็น เป็นมืออาชีพ และมีประสิทธิภาพ
ปัญหาสุขภาพจิตพบบ่อยกว่าที่คุณคิด
คุณลองพิจารณาสิ่งเหล่านี้
ข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในการประชุมคณะกรรมการสุขภาพจิตของประเทศ ปี 2567 รายงานว่า คนไทยกว่า 10 ล้านคนกำลังเผชิญปัญหาสุขภาพจิตซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระดับโลก และจากการสำรวจสุขภาพใจประจำปี 2567 โดย iSTRONG Mental Health พบว่าหลายองค์กรมีพนักงานเกิน 50% ที่กำลังอยู่ในระดับเสี่ยงต่อภาวะหมดไฟ
ความเครียดในที่ทำงานเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะหมดไฟ และเสี่ยงต่อความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า
มีโอกาสสูงที่พนักงานจำนวนมากในบริษัทของคุณกำลังเผชิญสิ่งเหล่านี้อย่างเงียบๆ แต่คุณในฐานะ HR สามารถสังเกตเห็นสัญญาณแต่เนิ่นๆ และรีบเข้าไปให้คำปรึกษาก่อนที่สถานการณ์จะแย่ลง
เป็นการรับมือที่มีประสิทธิภาพ
การลาออก การขาดงาน และผลผลิตต่ำเนื่องจากสุขภาพใจที่ไม่ดีทำให้ธุรกิจต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง การดูแลและช่วยเหลือพนักงานด้วยทักษะการปฐมพยาบาลทางใจไม่เพียงช่วยพนักงาน แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อผลกำไรของบริษัทโดยรวมด้วย
ทักษะการปฐมพยาบาลทางใจช่วย HR อย่างไร
การรู้จักสัญญาณของปัญหาสุขภาพจิต
ทักษะการปฐมพยาบาลทางใจสอนให้คุณสังเกตสัญญาณเตือน เช่น
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรืออารมณ์อย่างกะทันหัน
การแยกตัวจากเพื่อนร่วมงานหรือกิจกรรมทางสังคม
ผลงานที่ลดลงหรือการขาดงานที่เพิ่มขึ้น
ตัวอย่าง: ถ้าพนักงานที่ปกติเป็นคนเปิดเผยและมีผลงานดีกลับกลายเป็นเก็บตัวและพลาดเดดไลน์ คุณจะรู้วิธีเข้าหาพวกเขาอย่างเหมาะสม
การรับฟังโดยไม่ตัดสิน (ด้วยการฟังอย่างเข้าอกเข้าใจ)
หลักการสำคัญของการปฐมพยาบาลทางใจคือการฟังอย่างเข้าอกเข้าใจ (Empathic Listening) และไม่ตัดสิน พนักงานมักลังเลที่จะเล่าปัญหาเพราะกลัวถูกตัดสินหรือเข้าใจผิด การเพิ่มการฟังอย่างเข้าอกเข้าใจจะทำให้การตอบสนองของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การฟังอย่างเข้าอกเข้าใจคืออะไร?
เป็นการอยู่กับปัจจุบันอย่างเต็มที่และเข้าใจอารมณ์ที่อยู่เบื้องหลังคำพูด
คุณไม่ได้แค่ฟังคำพูด แต่เชื่อมต่อ (Connect) กับความรู้สึกของเขาและยอมรับโดยไม่ตัดสิน
วิธีฝึกการฟังอย่างเข้าอกเข้าใจ
ฟังด้วยความตั้งใจเต็มที่ ปิดสิ่งรบกวน สบตา และโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงความสนใจ
แสดงการเข้าใจและยอมรับความรู้สึกของเขา โดยใช้ประโยค เช่น "ฟังดูเหนื่อยมากเลยเนอะ" หรือ "เข้าใจได้เลยว่าทำไมคุณถึงรู้สึกแบบนั้น"
หลีกเลี่ยงการให้ทางออกทันที ปล่อยให้พนักงานพูดจนจบ ทวนความ สะท้อนอารมณ์จนเข้าใจกันดี ก่อนจะเสนอความช่วยเหลือ
ตัวอย่าง: พนักงานบอกว่าเขารู้สึกรับมือกับงานและปัญหาส่วนตัวไม่ไหว แทนที่จะรีบเสนอทางออกว่า "ลาพักสักวันไหม" หรือ "ลองคุยกับนักจิตวิทยาใน EAP ดูไหม" คุณสามารถตอบว่า "ฟังดูเหมือนคุณแบกรับอะไรไว้เยอะเลยนะตอนนี้ เล่าให้ฟังเพิ่มเติมได้นะว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ฉันพร้อมรับฟัง"
การให้กำลังใจและการสนับสนุน
การให้กำลังใจไม่ได้หมายถึงการแก้ปัญหา แต่เป็นการบอกให้พนักงานรู้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่คนเดียวและมีความช่วยเหลือพร้อมอยู่
ตัวอย่างประโยค
"ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องนี้กับฉัน ฉันพร้อมสนับสนุนคุณ"
"คุณรู้สึกแบบนี้ได้ไม่ผิดเลย เราจะหาทางออกด้วยกัน"
ตัวอย่าง: พนักงานบอกว่ารู้สึกหมดไฟ คุณให้กำลังใจว่านี่เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในคนทำงาน อย่าเพิ่งตกใจ และพูดคุยถึงตัวเลือกต่างๆ เช่น การปรับปริมาณงานหรือการลาพัก
การแนะนำพนักงานไปยังแหล่งช่วยเหลือ
ทักษะการปฐมพยาบาลทางใจสอนวิธีเชื่อมช่องว่างระหว่างการรับฟังและการลงมือทำ ซึ่งอาจรวมถึง
แนะนำให้ใช้บริการ EAP หรือบริการให้คำปรึกษาของบริษัท
สนับสนุนให้พบนักบำบัดหรือที่ปรึกษามืออาชีพ
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตฟรีหรือราคาย่อมเยา
ตัวอย่าง: หลังจากรับฟังพนักงาน คุณค่อย ๆ แนะนำให้เขาลองใช้บริการ EAP เพื่อช่วยเหลือในด้านการจัดการความเครียดหรืออาการนอนไม่หลับ แล้วติดตามผลในภายหลังว่าเป็นอย่างไรบ้าง
กรณีศึกษา: HR ในการจัดการภาวะวิกฤต
สถานการณ์
ผู้จัดการ HR ในบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง ได้พูดคุยกับพนักงานคนหนึ่งในระหว่างวันทำงาน ซึ่งพนักงานคนนั้นมีอาการอารมณ์แปรปรวนชัดเจน น้ำตาคลอ และบอกว่ารู้สึกรับมือกับปัญหาไม่ไหวจนเกือบแพนิค เขาพูดถึงปัญหาที่บ้านและความกดดันในการทำงานให้ทันเดดไลน์ในขณะที่งานไม่จบไม่สิ้น
การดำเนินการทันที
ผู้จัดการ HR คนนั้นใช้การฟังอย่างเข้าอกเข้าใจ และสะท้อนอารมณ์ว่า "ฉันรู้สึกได้ว่าคุณเหนื่อยมาก ฉันพร้อมรับฟังนะ เล่าให้ฟังได้เลยว่ามีอะไรในใจ"
ผู้จัดการ HR ไม่รีบเสนอทางออก แต่ให้พื้นที่พนักงานระบายความรู้สึกอย่างเต็มที่
เขาแสดงความเข้าใจความรู้สึกของพนักงานว่า "เข้าใจได้เลยที่คุณรู้สึกรับมือไม่ไหว เมื่อต้องจัดการกับหลายอย่างขนาดนี้ แต่คุณไม่ได้เผชิญกับมันคนเดียวนะ"
เมื่อเห็นความเร่งด่วนของสถานการณ์ ผู้จัดการ HR ได้ยกเลิกภาระงานที่เร่งด่วนชั่วคราวโดยแจ้งหัวหน้างานของพนักงาน และจัดหาพื้นที่เงียบสงบให้พักเบรก
พวกเขาพูดคุยถึงตัวเลือกต่าง ๆ รวมถึงการลางานในช่วงบ่ายของวันนั้นและการนัดหมายผู้เชี่ยวชาญในโครงการ EAP ของบริษัทเพื่อช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
ผลลัพธ์
พนักงานได้ขอบคุณผู้จัดการ HR ในภายหลัง และบอกว่าการพูดคุยวันนั้นทำให้เขารู้สึกมีคุณค่าและได้รับความเข้าใจ เขาได้ใช้บริการ EAP และกลับมาทำงานด้วยความรู้สึกที่มีสติและพร้อมรับมือกับปัญหาได้มากขึ้น การตอบสนองอย่างรวดเร็วและเข้าอกเข้าใจของผู้จัดการ HR ช่วยป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลามเป็นวิกฤตใหญ่
HR ในฐานะเสาหลักของการดูแลช่วยเหลือ สุขภาพใจไม่ใช่แค่สวัสดิการหรือทักษะที่ "มีไว้ก็ดี" ขององค์กรอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งจำเป็น ในฐานะมืออาชีพด้าน HR เป็นโอกาสที่คุณจะสร้างความแตกต่างในชีวิตของพนักงานเพียงแค่อยู่เคียงข้างและรู้วิธีตอบสนองเมื่อพวกเขาต้องการความช่วยเหลือ
การปฐมพยาบาลทางใจไม่ใช่เรื่องการแก้ปัญหา แต่เป็นการอยู่เคียงข้างและให้พลัง เพื่อให้พนักงานก้าวสู่การเยียวยาอย่างเหมาะสม ด้วยทักษะเหล่านี้ คุณจะไม่เพียงได้ช่วยเหลือพนักงานแต่ละคน แต่ยังเป็นการสร้างที่ทำงานที่มีสุขภาพดีและมี Resilience มากขึ้น
คุณสามารถเรียนรู้ทักษะด้านการปฐมพยาบาลทางใจอย่างถูกวิธีกับจิตแพทย์ ในการฝึกอบรมด้านทักษะจิตวิทยาชื่อ Fundamental Counseling Program ซึ่งในระหว่างการเรียนรู้ คุณจะได้ลองฝึกปฏิบัติเพื่อรับมือกับสถานการณ์ของคนที่หลากหลาย
ทักษะการปฐมพยาบาลทางใจและการให้คำปรึกษาเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับ HR รวมถึงหัวหน้างาน ที่จะทำให้องค์กรสามารถสร้างองค์กรที่มี mental health support system ที่แข็งแรงได้อย่างแท้จริง
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong