12 วิธีการสร้างความสัมพันธ์จากความไว้ใจ

ความไว้ใจ เป็นพื้นฐานที่สำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคง ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบคนรัก ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว กับเพื่อนฝูง หรือแม้แต่กับเพื่อนร่วมงาน ความน่าเชื่อถือและความไว้ใจ ไม่สามารถสร้างได้ชั่วข้ามคืน แต่สามารถพังทลายได้เพียงชั่วพริบตา

และยากยิ่งกว่าเดิมมากนักที่จะสร้างความเชื่อถือที่เราเคยมีกลับมาได้ใหม่ ดังนั้นการเรียนรู้ที่จะสร้างความน่าเชื่อถือและรักษาไว้ จึงเป็นอีกหนึ่งทักษะที่เราควรจะต้องมี เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบตัว และโอกาสต่างๆ ที่จะได้รับจากความน่าเชื่อถือที่เรามี ทาง iSTRONG มีบทความจิตวิทยาที่ได้กล่าวถึง 12 วิธีการสร้างความสัมพันธ์บนพื้นฐานของความไว้ใจมาฝากทุกคนกันค่ะ

1. จริงใจกับคำพูดของตัวเอง และลงมือทำตามสิ่งที่ได้พูดไว้

การที่เราจะทำให้ใครสักคนเชื่อใจ และวางใจในตัวเรา นั่นคือ การที่คนเหล่านั้นเชื่อถือในคำพูดของเรา ดังนั้นก่อนที่เราจะพูด รับปาก หรือสัญญาว่าจะทำอะไร ให้ไตร่ตรองให้ดีเสียก่อนว่าเราสามารถทำสิ่งนั้นๆ ได้หรือไม่

2. เรียนรู้ที่จะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ

การสื่อสารที่ดี ชัดเจน เป็นสิ่งสำคัญต่อความน่าเชื่อถือ กล่าวคือ ถ้าหากเราสื่อสารสิ่งที่เราจะลงมือทำอย่างชัดเจน ผู้ฟังก็จะเข้าใจได้ถูกต้องว่าจริงๆ แล้ว เราได้รับปากว่าจะทำอะไร และมีความคาดหวังต่อสิ่งที่เราจะทำอย่างงถูกต้อง

3. ความน่าเชื่อถือใช้เวลาในการสร้าง

การสร้างความน่าเชื่อถือ คือการทำได้ในสิ่งที่เรารับปากอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากเราสามารถทำได้อย่างต่อเนื่องความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวเราก็จะเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งต้องใช้เวลา

4. ใช้เวลาค่อยๆ คิด ตัดสินใจ ก่อนที่จะลงมือทำ

ก่อนที่จะตัดสินใจทำ หรือรับปากว่าจะทำอะไร เราควรใช้เวลาในการพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ และรับปากในสิ่งที่เราโอเคที่จะทำเท่านั้น ความเกรงใจ ไม่กล้าที่จะปฏิเสธ แต่ไม่ทำตามสิ่งที่รับปากไว้ จะส่งผลเสียกับทุกฝ่าย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวเราเอง

5. ให้คุณค่ากับความสัมพันธ์ที่เรามีอยู่

ความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจ เกิดจากความสามารถในการรักษาคำพูดอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เราใช้เวลาในการสร้างความน่าเชื่อถือที่มีต่อความสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ ของเรา เมื่อเราสร้างมันขึ้นมาได้แล้ว จงให้คุณค่าและรักษามันไว้ให้เป็นอย่างดี

6. พัฒนาทักษะการทำงานเป็นทีม

เมื่อเราทำงานกับทีม เราควรสร้างประโยชน์ให้กับทีม ทำในสิ่งที่เราสามารถทำได้ เพื่อให้ผลงานของทีมออกมาดีที่สุด การทำแบบนี้ เราจะสามารถสร้างความน่าเชื่อถือ และความนับถือจากสมาชิกในทีมได้

7. จริงใจ

คนเราสามารถสัมผัสได้ว่าสิ่งที่เราพูดหรือทำออกไปนั้นมาจากความต้องการและความรู้สึกจริงๆ ของเราหรือไม่ ดังนั้นเราควรจริงใจกับคำพูดและสิ่งที่เราต้องการจะทำ

8. ช่วยคนอื่นเมื่อสามารถช่วยได้เสมอ

การช่วยคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนจะทำให้คนรอบตัวเชื่อในตัวเรา ว่าเราจริงใจและทำสิ่งต่างๆ โดยปราศจากเจตนาแอบแฝง

9. อย่าซ่อนความรู้สึกของตัวเอง

การแสดงออกว่าเรารู้สึกอย่างไรอย่างตรงไปตรงมาจะทำให้คนอื่นสัมผัสได้ต่อความจริงใจของเรา แต่อย่างไรก็ตาม การแสดงออกทางความรู้สึกจะต้องอยู่ในความเหมาะสม การเรียนรู้ที่จะจัดการกับอารมณ์ความรู้สึก และใช้มันให้เป็นประโยชน์เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ

10. ไม่ต้องคอยโปรโมทตัวเองอยู่ตลอดเวลา

การทำงานเป็นทีม ความสามารถในการชื่นชมผลงาน และความสามารถของคนอื่นเป็นทักษะที่สำคัญของผู้นำ เราไม่จำเป็นต้องคอยโปรโมทสิ่งที่เราทำตลอดเวลา เพราะสิ่งที่เราทำ หัวหน้าที่ดีจะสามารถรู้ได้อยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม หากสิ่งที่เราทำไม่ได้รับการมองเห็น หรือไม่ได้ถูกนำเสนอว่าเราทำอะไรและส่งผลอย่างไร ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

11. ทำในสิ่งที่เราคิดว่าถูกต้อง

การทำในสิ่งที่เราเชื่อว่าถูกต้อง เป็นการเคารพตัวเองในรูปแบบหนึ่ง และการที่เราทำอะไรจากใจ หรือสิ่งที่เราเชื่อจริงๆ คนรอบๆตัวของเราจะสัมผัสได้ เราจะสามารถสร้างความน่าเชื่อถือในตัวเราได้อย่างเป็นธรรมชาติ

12. ยอมรับในความผิดพลาด

ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ดังนั้น การยอมรับว่าเราได้ทำสิ่งผิดพลาดอะไร รู้จักขอโทษ และเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น เพื่อนำมาพัฒนาตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญ การยอมรับในความผิดพลาด แสดงให้คนอื่นเห็นว่าเราก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกับพวกเขา ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งในการสร้างความน่าเชื่อถือในตัวเราเช่นกัน

นี่แหละค่ะ 12 วิธีในการสร้างความความสัมพันธ์บนพื้นฐานของความไว้ใจซึ่งสามารถในไปปรับใช้ได้กับรูปแบบความสัมพันธ์ต่างๆ หวังว่าบทความจิตวิทยาบทความนี้ จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ

สำหรับใครที่กำลังเครียด กังวล คิดมาก ทั้งเรื่องของปัญหา Burn Out จากการทำงาน ปัญหาความสัมพันธ์ต่างๆ ในครอบครัว คนรัก ไปจนถึงภาวะต่างๆ เช่น ซึมเศร้า ทุกปํญหาสำคัญและเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเราเสมอ

iSTRONG ยินดีให้บริการ ปรึกษาด้านสุขภาพจิตโดยผู้เชี่ยวชาญ ทั้งจากจิตแพทย์และนักจิตวิทยา ดูรายละเอียดได้ที่นี่