5 เทคนิคทางจิตวิทยาสอนลูกให้มี Passion ทำตามความฝันให้สำเร็จ

เคยนึกย้อนไปถึงสมัยยังเป็นเด็ก ๆ กันไหมคะ ในตอนนั้น “ความฝัน” ของพวกเราช่างสดใส หลากหลาย และล้วนแล้วแต่มี Passion หรือแรงผลักดันที่แรงกล้า แต่พอเราโตขึ้น ด้วยภาระหน้าที่ ความรับผิดชอบ และกิจกรรมในชีวิตที่เปลี่ยนไป ก็ทำให้ Passion ที่เรามีต่อ “ความฝัน” ลดน้อยลง จนทำให้หลายคนเกิดความสงสัยในตัวตนของเราเองว่า “เราเป็นใคร” หรือทำให้เราเกิดภาวะหมดไฟในงานที่ทำ เพราะงานไม่ตอบโจทย์ต่อความฝันที่เคยมี ซึ่งพวกเราที่อายุมากขึ้นทุกปีก็จะเกิดอาการโหยหาความฝัน แต่กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง (เพลงบอกวัยอีกแล้ว) เพราะฉะนั้นจะดีกว่ามั้ยคะ ถ้าเราสามารถช่วยให้ลูก ๆ หลาน ๆ หรือเด็ก ๆ ที่เรารักสามารถทำตามฝันของเขาได้ ไม่หลงลืมความฝันจนโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่หมดไฟ (ที่เราส่วนใหญ่เป็นกัน) ในบทความนี้จึงขอแนะนำ 5 เทคนิคที่นักจิตวิทยาแนะนำ ในการสอนลูกให้มี Passion ต่อการทำตามความฝัน

1. ทำความฝันของลูกให้ชัดเจน

เชื่อว่าทุกคนล้วนมีความฝันเป็นของตนเอง แต่ถ้าฝันนั้นไม่ได้ถูกทำให้ชัดเจน ก็จะทำให้รู้สึกว่าฝันไกลตัว ไม่มีทางเป็นจริงได้หรอก แล้วก็ไม่กล้าที่จะทำตามความฝัน ทำให้ความฝันนั้นกลายเป็นฝันกลางวัน ฝันลม ๆ แล้ง ๆ ไป แต่ถ้าเราทำให้ฝันเล็ก ๆ ของลูกชัดเจนมากขึ้น เห็นเป็นรูปธรรม จับต้องได้ เช่น ลูกฝันอยากเป็น Youtubeber ก็ต้องชวนกันหาข้อมูลเลยค่ะว่า ค่าตอบแทนคุ้มค่าที่จะทำตามฝันมั้ย มีวิธีการ ความยากลำบากยังไงในการทำตามฝัน หรือลูกอยากเป็นสมาชิก Girl Group ก็หาคลิปสัมภาษณ์ของนักร้อง Girl Group ให้ลูกดูไปเลยว่าเขาต้องมีความยากลำบากยังไง ต้องฝึกอะไร มีอุปสรรค หรือมีความสุขกับการทำงานอย่างไรบ้าง เมื่อลูก ๆ ของเราได้ฟังความจริงของความฝันจากคนที่เป็น Idol และเขาประเมินแล้วว่า “ฉันสามารถทำตามความฝันได้” ลูกของเราจะมี Passion ในการทำตามความฝันอย่างแรงกล้า และไม่ถอดใจละทิ้งความฝันไปอย่างแน่นอนค่ะ

2. วาดแผนที่การเดินทางตามความฝัน

เทคนิคการสร้าง Passion ต่อความฝันที่นักจิตวิทยาแนะนำในลำดับถัดไป ก็คือ การวาดแผนที่การเดินทางตามความฝันร่วมกับลูกของเราค่ะ เมื่อลูกได้เห็นความฝันเป็นรูปร่างชัดเจนแล้วว่าสิ่งที่เขาฝันจะทำให้เขามีตัวตนอย่างไร ขั้นต่อมาเราก็มาช่วยกันเขียนแผนที่ หรือร่าง Time Line กันว่าในการจะไปให้ถึงความฝันนั้น เราต้องทำอะไรบ้าง เช่น หากลูกมีความฝันจะเป็นนักบินอวกาศขององค์การนาซ่า ก็ต้องศึกษาก่อนว่า การเป็นนักบินอวกาศนั้นมีเงื่อนไขอะไรบ้าง แล้วถอดเงื่อนไขนั้นออกมาเป็นแผนที่การเดินทาง เช่น Land Mark ที่ 1 คือเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบมัธยมศึกษา Land Mark ที่ 2 คือการเข้าแคมป์ของนาซ่าตามจำนวนครั้งที่กำหนด Land Mark ที่ 3 คือการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในสาขาที่ นาซ่ากำหนด Land Mark ที่ 4 คือการสอบเข้าทำงานในนาซ่าให้ได้ เป็นต้นค่ะ เมื่อเราเขียนแผนที่ชัดเจนมากเท่าไหร่ Passion ของลูกที่มีต่อความฝันก็จะรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น ทำให้ลูกมีความมุ่งมั่น และมีแรงฮึดมากพอที่จะทำตามความฝันได้สำเร็จค่ะ

3. เสริมความพร้อมให้ลูกเพื่อทำตามความฝัน

ถึงนักจิตวิทยาจะไม่ได้บอก แต่เราทุกคนก็ทราบว่า “การเตรียมตัวดี มีชัยไปกว่าครึ่ง” และ คงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “เก่งไม่กลัว กลัวคนขยัน” ใช่ไหมคะ นั่นก็เพราะคนที่หมั่นฝึกฝนตัวเองอยู่เสมอ ต่อให้ไม่มีพรสวรรค์เลย ก็สามารถประสบความสำเร็จในสิ่งที่เขาทำได้ เพราะฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ ดังนั้น เมื่อลูกเรามีความฝัน การที่เราจะทำให้ฝันของลูกเป็นจริงได้ เราก็ต้องติดอาวุธให้ลูกก่อน ซึ่งอาวุธที่ว่าก็คือ “ความรู้” ค่ะ เช่น หากลูกอยากเป็นสมาชิก Girl Group ลูกก็ต้องเรียนร้องเพลง และฝึกเต้นตั้งแต่เล็ก ๆ นอกจากนั้นยังต้องมีการฝึกภาษาเพราะต้องเดินทางไปทำงานหลากหลายประเทศ ฝึกการช่วยเหลือตัวเอง เพราะต้องใช้ชีวิตส่วนใหญ่ด้วยตัวเอง ฝึกระเบียบวินัยเพราะการเป็น Girl Group ระเบียบวินัยสำคัญมาก เมื่อโตขึ้นลูกอาจจะต้องมีการฝึกการแสดง หรือเรียนจิตวิทยาเพิ่มด้วยก็จะดีมากค่ะ เพราะการเป็น Girl Group การดูแลสุขภาพจิตเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมีโอกาสถูกทำร้ายจิตใจจากทุกทิศทาง ดังนั้นเพื่อให้ลูกของเราแกร่งพอที่จะทำตามฝัน นักจิตวิทยาจึงแนะนำว่า เราควรเสริมความพร้อมให้ลูก เพื่อให้ลูกสามารถทำตามความฝันได้สำเร็จค่ะ

4. เชื่อมั่นในตัวลูก และสนับสนุนให้ลูกเชื่อมั่นในตัวเอง

วิธีการในการสร้าง Passion ในการทำตามความฝันของลูกที่ดีที่สุดที่นักจิตวิทยาแนะนำ ก็คือ การเชื่อมั่นในตัวของลูก เพราะความเชื่อมั่นที่พ่อ แม่ มีต่อลูก เป็นจุดเริ่มต้นให้ลูกเชื่อมั่นในตัวเองค่ะ หากเด็กโตมากับพ่อ แม่ที่ห้ามทุกอย่าง ดุมากกว่าชม ก็จะทำให้เด็กโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ขาดความั่นใจ กลัวที่จะลงมือทำ แต่ถ้าเด็กโตขึ้นมากับวิธีการเลี้ยงดูโดยใช้หลักการสอนวินัยเชิงบวก คือ เสริมแรงด้วยการชม เน้นให้เด็กทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เมื่อพลาดก็ไม่ตี ไม่ดุ แต่เน้นลงมือแก้ไขร่วมกัน การบ่มเพาะความเชื่อมั่น และการช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เด็ก ๆ ด้วยวินัยเชิงบวกนี้ จะช่วยส่งเสริมให้เด็ก ๆ มีความเชื่อมั่นในตนเอง เชื่อว่าตัวเองสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ ซึ่งความเชื่อมั่นเหล่านี้จะทำให้เด็ก ๆ มี Passion ในการทำตามความฝันค่ะ

5. พาลูกไปสัมผัสบรรยากาศในสิ่งที่ฝัน

เทคนิคสุดท้ายจากนักจิตวิทยาที่จะมาแนะนำกันในบทความนี้ ก็คือ การหาโอกาสพาลูกไปสัมผัสกับบรรยากาศในสิ่งที่ฝันค่ะ โดยสมัยนี้การพาลูกไปสัมผัสบรรยากาศตามความฝันลูกก็ไม่ยากเลยค่ะ หากอยู่ในกรุงเทพฯ พากันไปคิดส์ซาเนียร์ ก็ทำให้เด็ก ๆ มี Passion ต่อสิ่งที่ฝันแล้ว หรือหากเด็กฝันไกลไปนอกโลก ก็มีท้องฟ้าจำลอง หรือศูนย์วิทยาศาสตร์ที่ราคาค่าเข้าไม่แพงเลย ให้พาเด็ก ๆ เยี่ยมชมได้นะคะ หรือสำหรับเด็กในวัยมัธยม การเข้าค่าย Open House ที่ทางแต่ละมหาวิทยาลัยจัดก็สามารถเพิ่ม Passion ให้ลูกทำตามฝันได้ดีเช่นกันค่ะ

บทความแนะนำ “ออกเดินทางกับการค้นพบ Passion (ตั้งแต่ยังเด็ก)”

การมีความฝันเป็นสิ่งที่ดี แต่การสามารถทำตามความฝันได้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม เพราะไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทำตามความฝันได้ แต่ถ้าเราสร้าง Passion ในการทำตามความฝันให้กับลูก ๆ ไว้แล้ว ก็เป็นการเพิ่มโอกาสในการทำฝันของลูกให้เป็นจริงได้มากเลยค่ะ บทความต่อไปจะนำข้อแนะนำของนักจิตวิทยามาพัฒนาชีวิตในด้านใดนั้น โปรดติดตามนะคะ

สำหรับใครที่กำลังเครียด กังวล คิดมาก ทั้งเรื่องของปัญหา Burn Out จากการทำงาน ปัญหาความสัมพันธ์ต่างๆ ในครอบครัว คนรัก ไปจนถึงภาวะต่างๆ เช่น ซึมเศร้า ทุกปํญหาสำคัญและเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเราเสมอ

iSTRONG ยินดีให้บริการ ปรึกษาด้านสุขภาพจิตโดยผู้เชี่ยวชาญ ทั้งจากจิตแพทย์และนักจิตวิทยา ดูรายละเอียดได้ที่นี่

iSTRONG Mental Health

ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร

บริการของเรา

สำหรับบุคคลทั่วไป

• บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa

• คอร์สฝึกอบรม การเป็นนักจิตวิทยาให้คำปรึกษา : http://bit.ly/3RQfQwS

สำหรับองค์กร

• EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8

โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong

ประวัติผู้เขียน : จันทมา ช่างสลัก

บัณฑิตสาขาวิชาเอกจิตวิทยาคลินิก เกียรตินิยมอันดับ 2 จากรั้ว มช. และมหาบัณฑิตด้านการพัฒนาสังคม NIDA มีประสบการณ์ด้านจิตวิทยาเด็ก 4 ปี เป็นผู้ช่วยนักวิจัย ด้านจิตวิทยา 1 ปี ปัจจุบันเป็นนักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ ที่ประยุกต์ใช้ศาสตร์ทางจิตวิทยา ในการปฏิบัติงานมากว่า 6 ปี