นักจิตวิทยาแนะ 4 แนวทางลดความขัดแย้งและสร้างความเข้าใจในคู่รัก
- Chanthama Changsalak
- Jul 9
- 1 min read

สถานการณ์ความขัดแย้งในคู่รักในประเทศไทยค่อนข้างน่ากังวล เนื่องจากสถิติการหย่าร้างจากกรมการปกครอง ตั้งแต่ปี 2555 – 2565 พบว่า มีคู่รักจดทะเบียนหย่ามากกว่า 1.3 ล้านคู่ โดยในปี 2565 มีการหย่าร้างถึง 140,000 คู่ ซึ่งกรุงเทพฯ มีอัตราการหย่าร้างสูงที่สุด ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาครอบครัวได้ให้ข้อมูลว่า สาเหตุหลักของการหย่าร้างในประเทศไทย มาจากการนอกใจ การขาดความรับผิดชอบในครอบครัว และการขาดการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
รวมไปถึงความเครียดจากการทำงานและสภาวะเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งในคู่รัก นอกจากนี้แล้ว ความขัดแย้งในคู่รักยังแสดงออกผ่านสถิติการทำร้ายร่างกายในครอบครัว โดยในปี 2563 มีคดีความเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายในคู่รัก สูงถึง 53% ของคดีความรุนแรงในครอบครัวทั้งหมด
ถึงแม้ว่าความขัดแย้งในคู่รัก จะเป็นเรื่องปกติสามัญที่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะคู่รักแต่ละคู่ก็มีที่มาต่างกัน ต่างพ่อต่างแม่ ได้รับการเลี้ยงดู และเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ส่งผลให้มีทัศนคติ ความคิด ความเชื่อ และมีการตอบสนองต่อสถานการณ์ต่าง ๆ แตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้ผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาจึงแนะนำว่า การลดความขัดแย้งและสร้างความเข้าใจในคู่รักจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาได้แนะนำ 4 แนวทางลดความขัดแย้งและสร้างความเข้าใจในคู่รัก ดังนี้ค่ะ
สื่อสารอย่างเปิดเผย (Open Communication)
การสื่อสารอย่างเปิดเผย คือการที่คู่รักแต่ละฝ่ายแสดงความรู้สึกและความคิดของตนเองอย่างเต็มที่ โดยซื่อสัตย์ และจริงใจ ผ่านการสื่อสารเชิงบวกโดยใช้เทคนิคจิตวิทยา ที่เรียกว่า “I-Message” ซึ่งเป็นการพูดถึงความรู้สึกของตนเองแทนการกล่าวโทษ เช่น พูดว่า “ฉันรู้สึกเสียใจเมื่อคุณไม่พูดกับฉัน” แทนการพูดว่า “คุณไม่เคยสนใจฉันเลย”
การสื่อสารอย่างเปิดเผยนี้ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการช่วยลดความขัดแย้งในคู่รัก และช่วยสานสัมพันธ์ให้แข็งแรงมากขึ้น เนื่องจากคู่รักจะได้รับรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของอีกฝ่าย โดยปราศจากการกล่าวโทษกัน หรือใส่อารมณ์ทางลบต่อกัน
ฟังอย่างตั้งใจ (Active Listening)
การฟังอย่างตั้งใจ เป็นทักษะสำคัญในการสร้างความเข้าใจและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในคู่รัก โดยเฉพาะเมื่อเกิดความขัดแย้ง โดยการฟังที่มีคุณภาพจะสามารถช่วยให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกได้รับการยอมรับ ได้รับการใส่ใจ สามารถช่วยลดความเข้าใจผิด และส่งเสริมการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
โดยหัวใจสำคัญของการฟังอย่างตั้งใจนั้น ก็สามารถทำได้อย่างง่าย ๆ ผ่านการการฟังโดยไม่ขัดจังหวะ ให้ความสำคัญกับสิ่งที่คนรักพูด ฟังให้ลึกถึงความรู้สึกของคนรักอย่างแท้จริง และสะท้อนกลับด้วยการสื่อสารทางบวกอย่างจริงใจ ซึ่งการฟังอย่างตั้งใจนี้จะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจและความไว้วางใจในคู่รักได้
การแก้ไขปัญหาร่วมกัน
เมื่อเกิดปัญหา คู่รักที่มีความขัดแย้งหรือมีปัญหาในความสัมพันธ์จะเฝ้าโทษกันไปมา ผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาครอบครัวจึงแนะนำว่า เมื่อเกิดปัญหา คู่รักควรทำงานร่วมกันเพื่อหาทางแก้ไขปัญหา โดยมุ่งเน้นที่การประนีประนอมและการหาข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย
ในสถานการณ์ที่มีความขัดแย้งสูง การใช้เทคนิคการควบคุมอารมณ์ เช่น การหยุดพักก่อนตอบโต้ หรือการใช้โทนเสียงที่สงบ จะช่วยให้การสนทนามีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้คู่รักควรสร้างพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยให้กันและกัน โดยการสร้างบรรยากาศที่เปิดกว้างในการแสดงความคิดเห็น ไม่ใช้คำพูดเชิงวิจารณ์หรือตัดสินอีกฝ่าย
การมีพื้นที่ปลอดภัยทางอารมณ์นี้ช่วยให้แต่ละฝ่ายกล้าเปิดเผยความรู้สึกและมุมมองของตนเองมากขึ้น และคู่รักควรให้ความสำคัญกับการหาทางออกมากกว่าการเอาชนะกัน เพราะการเอาชนะกันนั้นจะได้มาแต่ความสะใจ แต่อาจทำให้ความสัมพันธ์เลวร้ายจนต้องเสียใจเองในภายหลังได้
การแสดงความขอบคุณ (Expressing Gratitude)
การแสดงความขอบคุณ เป็นเทคนิคจิตวิทยาในการลดความขัดแย้งในคู่รักและสร้างความเข้าใจในคู่รักได้อย่างได้ผลและมีประสิทธิภาพสูง อีกทั้งยังเป็นเทคนิคที่ทุกคู่รักสามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านการแสดงความขอบคุณ เช่น พูดขอบคุณ พูดชื่นชม แสดงความรักเมื่อคนรักทำสิ่งดี ๆ ให้ และการยอมรับในความพยายามของคนรัก
จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและเพิ่มความพึงพอใจในความสัมพันธ์ เนื่องจากการแสดงความขอบคุณในคู่รัก จะช่วยให้คนรักของเรารับรู้ว่าเราให้คุณค่าและเห็นถึงความพยายามของเขา ก็จะลดความรู้สึกถูกละเลยหรือไม่ได้รับความสำคัญ
ซึ่งจะช่วยลดอารมณ์ด้านลบและทำให้การสื่อสารราบรื่นขึ้น และผลการวิจัยทางจิตวิทยา ยังพบว่า การแสดงความขอบคุณในคู่รัก จะช่วยให้คู่รักมีความอดทนและยืดหยุ่นมากขึ้นเมื่อเผชิญกับความท้าทายในความสัมพันธ์ เนื่องจากคู่รักรับรู้ว่ามีการให้คุณค่าและเห็นถึงความดีของกันและกันนั่นเอง
การลดความขัดแย้งในคู่รักและการสร้างความเข้าใจในคู่รักนั้น โดยแท้จริงแล้วคู่รักสามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเองผ่านการใช้ชีวิตรวมกันในชีวิตประจำวัน เช่น พูดคุยกันอย่างจริงใจ รับฟังเมื่ออีกฝ่ายเผยความรู้สึก เมื่อมีปัญหาก็จับมือกันแก้ไข และไม่ลืมที่จะแสดงให้อีกฝ่ายรู้ว่ารัก รู้ว่าเขามีคุณค่าผ่านการแสดงความขอบคุณ
เพียงเท่านี้คู่รักก็สามารถลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้น และยังช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในความสัมพันธ์ได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามหากคุณรู้สึกว่าความขัดแย้งนั้นยิ่งใหญ่ และสร้างบาดแผลฝังลึกแล้วละก็ ขอแนะนำให้เข้ารับการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาเพื่อขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมจะดีต่อความสัมพันธ์มากกว่าค่ะ
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong
บทความแนะนำ
อ้างอิง Gray, J. (2017).
Men are from Mars, women are from Venus: The classic guide to understanding the opposite sex. HarperCollins.
Nichols, M. P. (2021).
The lost art of listening: How learning to listen can improve relationships. Guilford Press.
The Coverage. (2563).
ผงะ! ข้อมูลปี 63 พบข่าว ‘คู่รักฆ่ากัน’ 54% ของข่าวความรุนแรงครอบครัวในไทย.
สืบค้นเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://www.thecoverage.info/news/content/4269
กรมการปกครอง. (2566).
สถิติการจดทะเบียนหย่าในประเทศไทย. อ้างถึงใน TCIJ.
สืบค้นจากไทยรัฐออนไลน์. (2565).
4 สาเหตุหลัก คนไทยหย่าร้าง พุ่งเกือบ 50% ของคู่รักจดทะเบียนสมรส.
สืบค้นเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://www.thairath.co.th/scoop/infographic/2836542
ประวัติผู้เขียน
จันทมา ช่างสลัก บัณฑิตจิตวิทยาคลินิกจากรั้ว มช. และมหาบัณฑิตจาก NIDA ปัจจุบันเป็นคุณแม่ลูก 1 ผู้เป็นทาสแมว ที่มุ่งมั่นจะพัฒนาการเขียนบทความจิตวิทยาให้โดนใจผู้อ่าน และสร้างแรงกระเพื่อมทางสังคม ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกบนโลกใบนี้