ครอบครัวพากันเดินทางไกลเพื่อเยียวยาความเศร้าจากการสูญเสีย

ครอบครัวที่มีพี่น้องสี่คนกับแม่เลี้ยงเดี่ยว เติบโตมาด้วยกันอย่างอบอุ่นในบ้านหลังเล็กในประเทศอังกฤษ แต่แล้ววันหนึ่ง น้องชายคนที่สอง Evelyn ก็ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลงด้วยเหตุที่ยอมแพ้ต่อโรคจิตเภท ครอบครัวต่างเศร้าโศกต่อการสูญเสีย ความเจ็บปวดนั้นยากเกินกว่าจะพูดออกมาได้ และในเวลาต่อมา ต่างคนต่างต้องจากกันเพื่อไปใช้ชีวิตของตัวเองและรับมือกับความเศร้านั้นเพียงลำพัง พี่ชายคนโตผู้ซึ่งถูกเลี้ยงมาด้วยภาวะผู้นำเต็มที่ ใช้วิธีการทำงานหนักและผลักดันตัวเองให้พุ่งไปข้างหน้ากับงานที่ท้าทายเรื่อย ๆ และไม่แม้แต่จะพูดถึงหรือกระทั่งพูดชื่อน้องชายออกมา เพราะเจ็บปวดเกินไป ส่วนคนอื่นก็ต่างมีวิธีรับมือกับความรู้สึกของตัวเองแตกต่างกันออกไป แต่แล้วใน 13 ปีต่อมา ในช่วงวันครบรอบวันเกิดของ Evelyn ทุกคนตัดสินใจว่า ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนต้องหันหน้ามาเผชิญกับสิ่งเหล่านี้ จึงนัดหมายแล้วพากันออกเดินทางไกลไปตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมากับ Evelyn เพื่อเป็นการระลึกถึงและใช้โอกาส นี้ในการพูดคุย เปิดใจ และบอกเล่าในสิ่งที่คั่งค้างอยู่ในใจมานานแสนนาน จากนั้น การเดินทางเพื่อการเยียวยาซึ่งกันและกันก็เริ่มต้นขึ้น ...

นี่คือเรื่องราวของภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Evelyn ที่ผู้เขียนได้มีโอกาสดูเมื่อวันก่อนทาง Netflix ที่บอกเล่าถึงเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับครอบครัวดังกล่าว โดยหวังว่าพวกเขาจะดีขึ้นจากการเดินทางไกลครั้งนี้ และเพื่อเป็นการสื่อสารไปยังคนทั่วโลก โดยเฉพาะครอบครัวที่สูญเสียสมาชิกจากการฆ่าตัวตาย และให้การช่วยเหลือคนที่กำลังคิดจะจบชีวิตตัวเองลง ผู้เขียนเองรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสนใจและเห็นด้วย ที่ครอบครัวมีการพยายามทำบางอย่างเพื่อช่วยเยียวยาหัวใจกันและกัน กิจกรรมที่พากันเดินไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ที่สงบและสวยงาม พร้อม ๆ กับการคุยเปิดใจ หรือรับฟังอีกคนได้บอกเล่าสิ่งที่อยู่ในใจ เป็นเหมือนครอบครัวบำบัดหรือจิตบำบัด ซึ่งในทางจิตวิทยา ก็มีการศึกษาวิจัยหลายชิ้นที่สนับสนุนกิจกรรมการเดินทางไกลสำหรับคนที่กำลังเผชิญกับความเศร้าจากการสูญเสีย โดยมีเหตุผลสนับสนุนหลัก ๆ ดังนี้
1. ได้เคลื่อนไหวร่างกาย การได้เคลื่อนไหวร่างกายและออกแรงช่วยลดความเครียดและระบายความเศร้าลงได้ การสูญเสียคือประสบการณ์ที่เครียดและทุกข์ รวมทั้งเสี่ยงต่อการเกิดโรคซึมเศร้า ดังนั้นหากได้พาตัวเองเคลื่อนไหวและเคลื่อนที่ไปยังสถานที่ต่าง ๆ ก็จะเป็นการปลดปล่อยความทุกข์เหล่านั้นออกมา

2. ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ การเดินทางไกลท่ามกลางทิวทัศน์ที่เป็นธรรมชาตินั้นคือที่ชาร์จพลังอย่างดี ให้กับทั้งคนที่กำลังเศร้าและคนทั่วไป ธรรมชาติมีแรงสั่นสะเทือนที่ช่วยเยียวยาจิตใจโดยธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ยินเสียงนกร้อง น้ำไหล น้ำตก หรือเสียงคลื่นทะเล ก็ยิ่งช่วยให้ผ่อนคลายและมีพลังกลับคืนมา ตรงกันข้ามกับแรงสั่นสะเทือนจากตึก อาคาร และรถรา ที่ยิ่งจะทำให้คนเราหมดพลังลงไป 3. ได้รับพลังจากคนในครอบครัวและคนที่ไว้วางใจ การเดินคนเดียวนั้นได้ความสงบและการได้อยู่กับตัวเอง แต่การเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กับบุคคลในครอบครัวและคนที่สนิทใจ ก็จะยิ่งได้โอกาสพูด ระบาย สิ่งที่อยู่ในใจ มีคนรับฟังอย่างตั้งใจ ในขณะเดียวกันก็เป็นผู้รับฟังที่ดีเมื่ออีกฝ่ายกำลังพูดเช่นกัน โดยปราศจากการตั้งป้อม การตัดสิน หรือการชวนทะเลาะ สิ่งนี้คือการช่วยบำบัดซึ่งกันและกันอย่างดี การสูญเสียนั้นเป็นความทุกข์ก้อนใหญ่ ที่ใครเจอก็ต้องพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองหายจากทุกข์นั้น แต่ทำได้ไม่ง่ายนักกับการที่ต้องฝืนงัดตัวเองให้ขึ้นจากหลุมแห่งความเศร้า อย่างไรก็ตาม หากปล่อยทิ้งไว้นาน อาจจะยิ่งทำให้คุณหรือคนที่กำลังเศร้านั้นเสี่ยงต่อภาวะเครียดหลังเหตุการณ์ร้ายแรง (Post-traumatic Stress Disorder: PTSD) และโรคซึมเศร้า (Major Depression) หากคุณยังพอมีสติและมีแรง ลองพาตัวเองออกเดินทางไกล พาตัวเองออกไปรับพลังจากธรรมชาติ รวมถึงมีคนที่ไว้วางใจกันคอยอยู่เคียงข้าง พูดระบายสิ่งที่อัดอั้น เหล่านี้ก็จะช่วยให้คุณกลับมามีความสุขอีกครั้งได้เร็วขึ้น
หากคุณต้องการความช่วยเหลือหรือต้องการทำครอบครัวบำบัด ไอ สตรอง มีนักจิตวิทยาที่ช่วยคุณได้ ดูรายละเอียด https://www.istrong.co/service-family