New Year อาจไม่ต้อง New You เพราะหลายสิ่งที่คุณเป็นอยู่มันก็ดีอยู่แล้ว
- นิลุบล สุขวณิช
- 14 minutes ago
- 1 min read

ในช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี หลายคนก็อาจจะมีการตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าเมื่อถึงปีใหม่ก็อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่ เช่น ทำหุ่นให้ผอมเพรียว หรือบอกตัวเองว่าจะต้องเป็นคนใหม่ที่นิสัยดีขึ้น ซึ่งการตั้งเป้าหมายเพื่อพัฒนาตนเองนั้นเป็นสิ่งที่ดี
แต่ในบางครั้งที่เกิดความรู้สึกว่าตัวเองอยากจะเป็นคนใหม่ในปีใหม่ ลึกลงไปมันเป็นไปได้ไหมว่าคุณอาจจะเผลอมองข้ามสิ่งดี ๆ ในตัวเองที่คุณมีมันอยู่แล้ว ในแต่ละปีจึงได้แต่บอกตัวเองว่า “ฉันจะเป็นคนใหม่” และเมื่อทำไม่ได้ก็อาจจะเกิดความรู้สึกกดดันหรือรู้สึกผิดที่ไม่สามารถทำได้อย่างที่คิดเอาไว้เมื่อต้นปี
ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วในช่วงเปลี่ยนผ่านจากปีเก่าไปสู่ปีใหม่นั้นไม่ได้มีใครกำหนดกรอบเกณฑ์เอาไว้ว่าทุกคนจะต้องเป็นคนใหม่แบบ “new year, new you” แต่หากคุณต้องการให้ช่วงปีใหม่เป็นช่วงเวลาที่พิเศษไม่อยากปล่อยให้มันแค่ผ่าน ๆ ไป ผู้เขียนก็ขอหยิบยกทางเลือกในการเอาฤกษ์เอาชัยช่วงปีใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใหม่ ได้แก่
ทบทวนถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา
แม้ผู้เขียนจะใช้คำว่า “ความสำเร็จ” แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันต้องยิ่งใหญ่อะไรมากมายนะคะ เพราะความสำเร็จที่เกิดขึ้นในชีวิตบางอย่างแม้มันจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยแต่ก็มันก็ส่งผลให้คุณเกิดความภาคภูมิใจเล็ก ๆ ขึ้นมาได้เหมือนกัน หรือคุณทำมันได้แม้ว่าคุณจะมีทรัพยากรในตัวเองอยู่อย่างจำกัด
ยกตัวอย่างเช่น คุณมีอาการของโรคซึมเศร้าแต่คุณก็สามารถฝืนตัวเองลุกจากเตียงนอนเพื่อไปทำงานได้ในแต่ละวัน แม้คุณอาจจะไม่ได้เลื่อนขั้นหรือทำผลงานอันโดดเด่นให้เกิดขึ้นในปีนี้ได้ แต่แค่คุณสามารถใช้ชีวิตประจำวันมาได้จนถึงตอนนี้มันก็ถือว่าเป็นความสำเร็จที่ดีพอแล้ว
ขอบคุณผู้คนหรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา
เมื่อพูดถึงการ “ขอบคุณ” อาจจะชวนให้นึกถึงผู้คนที่จิตใจดีหรือเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต แต่จริง ๆ แล้วการขอบคุณในที่นี้สามารถใช้ได้กับทั้งเรื่องทางบวกและเรื่องทางลบ เพราะทุกคนและทุกเรื่องราวสามารถช่วยให้คุณเกิดประสบการณ์และบทเรียนชีวิตใหม่ ๆ ขึ้นมาได้
ซึ่งหลายคนก็มีทักษะใหม่ ๆ ขึ้นมาหลังจากที่ต้องเผชิญกับช่วงเวลาอันยากลำบาก การขอบคุณจะช่วยให้คุณเห็นถึงทรัพยากรที่ตัวเองมีอยู่ เช่น บุคคลที่คอยสนับสนุนให้ความช่วยเหลือคุณ ทักษะที่คุณใช้ในการพาตัวเองข้ามผ่านอุปสรรคปัญหามาได้จนถึงวันนี้ ฯลฯ
โอบกอดตัวเองแม้ว่ามันจะไม่ได้สมบูรณ์แบบ
การตั้งเป้าหมาย new year, new me ไม่ได้เป็นสิ่งที่แย่หรือผิด แต่มันก็คงจะน่าเสียดายหากคุณต้องการที่จะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใหม่อยู่ทุกปีโดยละเลยไม่ใส่ใจตัวตนหรือคุณลักษณะดี ๆ ที่มีอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว
ดังนั้น ผู้เขียนจึงอยากให้คุณลองเปลี่ยนจากการตั้งเป้าหมายว่า “ปีใหม่ฉันจะต้องฉันเป็นคนใหม่” เป็นการใช้โอกาสในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เป็นการทบทวนว่าตัวตนหรือคุณลักษณะไหนของคุณที่เป็นส่วนที่ดีและควรที่รักษาตัวตนส่วนนี้เอาไว้
เพราะถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้สมบูรณ์แบบหรือดีไปหมดทุกอย่าง แต่หลายเสี้ยวส่วนที่มีอยู่แล้วในตัวคุณมันก็ช่วยให้คุณผ่านปีนี้มาได้ไม่ว่าจะแบบราบรื่นหรือแบบทุลักทุเลก็ตาม ดังนั้น มันจึงหมายความว่าแม้คุณจะมีบางส่วนที่เป็นข้อบกพร่องแต่ก็มีบางส่วนที่ดีพอที่คุณจะคงเอาไว้โดนไม่ต้องพยายามไปเปลี่ยนแปลงตัวเองในส่วนนั้น ลองลิสต์ขึ้นมาว่าคุณมีส่วนที่ดียังไงบ้างแล้วโอบกอดตัวตนในส่วนนั้นของคุณ
มอบของขวัญปีใหม่ ด้วยการไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใครและให้อภัยตัวเอง
แม้มันอาจจะทำได้ยากในยุค Social Media เพราะตลอดปีที่ผ่านมารวมถึงในช่วงเทศกาลปีใหม่ก็จะได้เห็นใครต่อใครอวดความสำเร็จหรือสิ่งดี ๆ ในชีวิตของพวกเขา มันจะง่ายมากที่แต่ละคนจะเกิดการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นโดยไม่รู้ตัว
มันก็คงจะยิ่งทำใจให้สงบได้ยากขึ้นไปอีกหากคุณได้เห็นใครบางคนที่ตั้งเป้าหมายเดียวกันกับคุณแล้วพวกเขาทำมันสำเร็จในขณะที่คุณทำไม่สำเร็จ เช่น ได้แต่งงาน ออกรถคันใหม่ ดาวน์บ้านหลังใหม่ ได้ไปเที่ยวต่างประเทศ ฯลฯ แต่ผู้เขียนเชื่อว่าการเอาภาพความสำเร็จของคนอื่นมาเปรียบเทียบกับตัวเอง
นอกจากมันจะไม่ได้ทำให้คุณประสบความสำเร็จขึ้นมาแล้ว มันยังเป็นการลดทอนความสงบสุขของตัวคุณเองเข้าไปอีก ดังนั้น แม้ว่าคุณจะไม่สามารถมอบของขวัญปีใหม่ให้กับตัวเองเป็นวัตถุสิ่งของชิ้นใหญ่หรือประสบการณ์สุดพิเศษ แต่คุณก็สามารถมอบของขวัญปีใหม่ให้กับตัวเองเป็นความสงบสุขทางใจ
ผ่านการให้อภัยตัวเองในสิ่งที่คุณทำผิดพลาด นอกจากนั้น แม้ว่าคุณจะยังทำเป้าหมายที่ตั้งไว้เมื่อต้นปีให้สำเร็จไม่ได้ภายในปีนี้ มันก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะทำมันไม่ได้ตลอดไป หากคุณยังคงมีความมุ่งมั่นและยังอยากจะทำตามเป้าหมายเดิมที่เคยวางไว้
ไม่ว่าความสำเร็จจะเกิดขึ้นช้าหรือไวมันก็ยังคงถือว่าเป็นความสำเร็จของคุณ โดยไม่จำเป็นต้องเอาจังหวะในการก้าวเดินของตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเพราะแต่ละคนมีจังหวะการก้าวเดินในแบบฉบับของตัวเอง
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong
บทความที่เกี่ยวข้อง
อ้างอิง:
5 Simple Steps to Stop Overthinking | Buddhism In English. Retrieved from https://www.youtube.com/watch?v=VQL15uSAeRU
7 Ways to Support Your Mental Health. Retrieved from
ประวัติผู้เขียน
นิลุบล สุขวณิช (เฟิร์น) เคยมีประสบการณ์ทำงานเป็นนักจิตวิทยาการปรึกษาในมหาวิทยาลัยและเป็นวิทยากรเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิต/การพัฒนาตนเองให้แก่นักศึกษาเป็นเวลา 11 ปี ปัจจุบันเป็นนักเขียนบทความให้กับ ISTRONG และเป็นทาสแมวคนหนึ่ง
Nilubon Sukawanich (Fern) have had experience working as a counseling psychologist at a university and as a speaker on mental health issues and self-development for students for 11 years. Currently, I am a writer for ISTRONG and a cat slave.
