ดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้ายังไงให้ไม่ทำร้ายทั้งจิตใจตัวเองและผู้ป่วย
- นิลุบล สุขวณิช
- Aug 1
- 1 min read

การดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจัดว่าเป็นความท้าทายพอสมควร เนื่องจากลักษณะของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าโดยเฉพาะในช่วงที่มีอาการอยู่ในระดับรุนแรง ผู้ดูแลมักจะเกิดความสับสนลังเล เช่น ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงกับผู้ป่วยดี ตัวเองได้รับผลกระทบจากผู้ป่วยแต่ก็ไม่กล้าสื่อสารตรง ๆ
เพราะกลัวว่าผู้ป่วยจะทำร้ายตนเอง หลายครั้งจึงกลายเป็นว่าตัวผู้ดูแลเองก็รู้สึกหมดพลังและเริ่มจะมีอาการคล้ายกับว่าตัวเองจะเป็นโรคซึมเศร้าไปด้วยอีกคน ในบทความนี้ผู้เขียนจึงอยากจะนำเสนอแนวทางให้ผู้อ่านได้ลองนำไปปรับใช้เพื่อให้สามารถดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้าได้อย่างไม่ทำร้ายจิตใจตัวเองและผู้ป่วยดังต่อไปนี้ค่ะ
ตั้งต้นที่ ‘อยากเข้าใจ’ ให้มากกว่าอยากแก้ไขผู้ป่วย
หลายครั้งผู้ดูแลก็มองเห็นบางอย่างในตัวผู้ป่วยที่ทำให้รู้สึกว่า “ถ้าแก้ส่วนนี้ได้เขาก็จะหายอย่างแน่นอน” เช่น ความคิดอัตโนมัติเชิงลบ วันหยุดเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องนอน ฯลฯ แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขพฤติกรรมของผู้ป่วยได้จึงเกิดความรู้สึกคับข้องใจที่อาจนำไปสู่การแสดงท่าทีที่หงุดหงิดหรือเหนื่อยหน่ายต่อผู้ป่วย ความรู้สึกคับข้องใจมักเกิดจากความปรารถนาดีที่อยากจะช่วยแก้ไข
แต่การพยายามแก้ไขผู้ป่วยอย่างไม่เข้าใจปัญหามันก็อุปมาเหมือนเราลงมือซ่อมรถไปโดยที่ไม่รู้ว่ารถเสียเพราะอะไร รวมถึงการซ่อมรถแบบ DIY หลายครั้งก็ซ่อมไม่ได้เพราะปัญหานั้นจำเป็นต้องอาศัยช่างผู้มีความชำนาญและประสบการณ์เฉพาะทางมาแก้อาการของรถ
Tips: ลองเปลี่ยนจากความคิดว่าตัวเองจะต้องแก้ไขผู้ป่วยให้ได้ไปเป็นความคิดที่อยากจะเข้าใจผู้ป่วยซึ่งมักจะนำไปสู่แรงจูงใจในการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เช่น ปรึกษาจิตแพทย์/นักจิตวิทยา ค้นคว้าข้อมูลว่ากลไกการทำงานของสมองส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ป่วยได้อย่างไร ฯลฯ ทั้งนี้ ควรเลือกศึกษาข้อมูลที่มาจากแพทย์ จิตแพทย์ นักจิตวิทยา และสถาบันการแพทย์ที่มีความน่าเชื่อถือ
‘เข้าใจ’ ไม่ได้แปลว่าต้องเข้าข้าง
แม้ว่าผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจะมีสภาพจิตใจที่บอบบาง แต่หากผู้ดูแลพบว่าผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามีพฤติกรรมที่เห็นควรจะต้องปรับจูนความเข้าใจ เช่น ขาดงานไปโดยไม่แจ้งให้คนที่ทำงานทราบและทำเช่นนี้อยู่หลายครั้งจนกระทบต่อประสิทธิผลของทีม เป็นต้น
คุณสามารถสื่อสารกับผู้ป่วยได้โดยไม่จำเป็นต้องพยายามปล่อยผ่านหรือเข้าข้างผู้ป่วยด้วยความกลัวว่าเขาจะไปทำร้ายตนเอง เพียงแต่ในการสื่อสารจำเป็นจะต้องใช้คำพูดที่เหมาะสมและหลีกเลี่ยงคำพูดที่ไม่ควรใช้ รวมถึงในช่วงแรกของการสนทนาควรเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้สื่อสารเรื่องราวในมุมมองของเขาอย่างเต็มที่ก่อน แล้วจึงค่อย ๆ สื่อสารในส่วนของผู้ดูแลออกไปด้วยความสงบและไม่ใช้อารมณ์ในการสื่อสาร
Tips: คำพูดที่ควรหลีกเลี่ยง ยกตัวอย่างเช่น
“อย่าคิดมาก” เพราะผู้ป่วยรู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่ควรคิดมากและไม่อยากคิดมากเช่นกัน แต่พวกเขาไม่รู้วิธีที่จะไม่คิดมากและไม่สามารถห้ามความคิดของตัวเองได้
“สู้ ๆ นะ” เพราะในแต่ละวันผู้ป่วยต้องต่อสู้กับอาการของโรคอย่างมาก พวกเขากำลังสู้อยู่ทุกวัน และหากต้องสู้มากไปกว่านี้ก็ไม่รู้จะต้องสู้ยังไง สู้จนไม่ไหวแล้ว
“อย่าท้อนะ ต้องทำได้ เรื่องนิดหน่อยแค่นี้เอง” หรือ “ร้องไห้ทำไม เรื่องแค่นี้เอง” เพราะเป็นคำพูดในเชิงตำหนิและแสดงถึงความไม่เข้าใจว่าโรคซึมเศร้าเป็นความเจ็บป่วยชนิดหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถแข็งแรงเท่ากับผู้ที่ไม่มีอาการป่วยได้
อย่าลืมเติมพลังกายพลังใจให้ตัวเองด้วย
แม้ว่าคนที่ไม่ได้มีอาการเจ็บป่วยจะมีความแข็งแรงกว่าผู้ป่วยโรคซึมเศร้าแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะอยู่ในสภาพที่กายพร้อมใจพร้อมอยู่ตลอดเวลา หลายครั้งผู้ดูแลก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายจิตใจผู้ป่วยแต่สถานการณ์เลวร้ายมันก็เกิดขึ้นมาเพราะผู้ดูแลอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อม
เช่น หิว นอนไม่พอ เหนื่อยล้าสะสม กำลังเผชิญกับความตึงเครียดจากปัญหาส่วนตัว ผู้เขียนชอบประโยคที่ว่า “แก้วที่ว่างเปล่าดับกระหายให้ใครไม่ได้” หากคุณเห็นคนกระหายน้ำแต่คุณยื่นแก้วเปล่าให้กับเขามันก็ไม่มีประโยชน์อะไรใช่ไหมคะ
Tips: หมั่นสังเกตใส่ใจดูแลตัวเองควบคู่ไปกับการดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ดังนี้
- ทำกิจกรรมที่ช่วยให้ตัวเองเพลิดเพลินผ่อนคลาย เช่น เดินเล่น ปลูกต้นไม้ เล่นกับสัตว์เลี้ยง
- กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
- ให้ความสำคัญกับการนอนหลับ
- รับมือกับความเครียดผ่านเทคนิคต่าง ๆ เช่น โยคะ ฝึกหายใจ
- ผ่อนคลายตัวเองบ้าง เช่น ดูรายการทีวีที่ชอบ อ่านนิตยสาร ทำงานอดิเรก
- พบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพของตนเอง
- ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นรวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต
- เมื่อไม่ไหวจริง ๆ ให้คุณหยุดพักลงก่อนชั่วคราว
- อ่อนโยนกับตัวเองบ้าง คุณไม่จำเป็นต้องพยายามร่าเริงหรือเข้มแข็งอยู่ตลอดเวลา การที่คุณมีความรู้สึกเศร้า คับ- ข้องใจ หรือรู้สึกผิด มันสามารถเกิดขึ้นได้เป็นธรรมดา หากคุณมีความรู้สึกเช่นนั้นเกิดขึ้น คุณก็สามารถระบายมันออกมาให้กับคนที่คุณไว้ใจฟังหรือจะเขียน
ทั้งนี้ อย่างที่ผู้เขียนได้กล่าวไปแล้วในข้างต้นว่าการดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้านั้นมีความท้าทายพอสามควร ดังนั้น ผู้ดูแลจึงจำเป็นต้องสร้างทั้งกำลังกายและกำลังใจเพื่อให้ตัวเองมีพลังมากพอ รวมถึงควรศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับโรคซึมเศร้าเพื่อให้เกิดความเข้าใจพฤติกรรมของผู้ป่วยมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็ต้องอย่าลืมความสำคัญของจิตใจตัวเองด้วยนะคะ
หากคุณเป็นหนึ่งคนที่อยากเข้าใจเรื่องซึมเศร้ามากขึ้น ทางเรา iSTRONG มีคอร์สออนไลน์ “ซึมเศร้า เราเข้าใจ” ที่ออกแบบโดยจิตแพทย์และนักจิตวิทยา เพื่อปูพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับโรคซึมเศร้าอย่างรอบด้าน ทั้งในเชิงทฤษฎีและการปฏิบัติจริง
ผู้เรียนจะได้เรียนรู้ตั้งแต่การรู้เท่าทันอาการซึมเศร้า ความแตกต่างระหว่างภาวะเครียด ภาวะหมดไฟ และโรคซึมเศร้า ไปจนถึงวิธีการรับมือ ให้คำปรึกษา และดูแลใจทั้งตนเอง คนรอบข้าง และคนที่คุณรัก
ไม่ว่าคุณจะกำลังเผชิญกับความเศร้า หรืออยู่ข้างๆ ใครบางคนที่กำลังเผชิญอยู่… คอร์สนี้จะเป็นแสงสว่างเล็กๆ ที่ช่วยให้เราเข้าใจกันมากขึ้น และดูแลใจกันได้ดีขึ้น
คลิกรายละเอียดคอร์ส “ซึมเศร้า เราเข้าใจ”
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong
บทความที่เกี่ยวข้อง
อ้างอิง:
คำที่ไม่ควรพูดกับผู้ป่วย "โรคซึมเศร้า" | HIGHLIGHT Re-Mind | EP.3 | Mahidol Channel PODCAST.
Retrieved from https://www.youtube.com/watch?v=jbR8HvThd2U
National Institutes of Health. Taking Care of Yourself: Tips for Caregivers.
ประวัติผู้เขียน
นิลุบล สุขวณิช (เฟิร์น) เคยมีประสบการณ์ทำงานเป็นนักจิตวิทยาการปรึกษาในมหาวิทยาลัยและเป็นวิทยากรเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิต/การพัฒนาตนเองให้แก่นักศึกษาเป็นเวลา 11 ปี ปัจจุบันเป็นนักเขียนบทความให้กับ ISTRONG และเป็นทาสแมวคนหนึ่ง
Nilubon Sukawanich (Fern) have had experience working as a counseling psychologist at a university and as a speaker on mental health issues and self-development for students for 11 years. Currently, I am a writer for ISTRONG and a cat slave.
