HR ที่พนักงานไม่กล้าเข้าใกล้ จะเป็น “ที่พึ่งทางใจ” ได้อย่างไร
- iStrong team
- Sep 27
- 2 min read
Updated: Sep 28

HR มักถูกมองว่าเป็น “ฝ่ายบริษัท” เสมอ มีงานวิจัยจาก Gartner ปี 2023 ที่ระบุว่า กว่า 47% ของพนักงานรู้สึกว่า HR ไม่ได้อยู่ข้างพวกเขา แต่จะเอนเอียงไปอยู่ข้างบริษัทเป็นหลัก และในประเทศไทยเอง ผลสำรวจของ JobsDB ก็ชี้ว่า หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่พนักงานลาออก คือการ “ไม่มีที่พึ่ง” เวลามีปัญหาภายในทีมเกิดขึ้น
หลายครั้งพนักงานมีปัญหากับหัวหน้า แต่ไม่กล้าเล่า เพราะคิดว่า HR จะรายงานต่อ บางคนมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน แต่เลือกเก็บไว้ เพราะกลัว HR จะไม่เข้าใจ หรือกลายเป็นเรื่องใหญ่กว่าเดิม ผลคือเรื่องจริงไม่ถูกพูดออกมา ความเครียดสะสม และจบลงที่การลาออกเงียบ ๆ หรือที่เราเรียกว่า Quiet Quitting ซึ่งจะส่งผลกระทบถึงองค์กรอย่างมากค่ะ เพราะยิ่งถ้าคนนั้นเป็นคนเก่งหรือ Talent ด้วยแล้ว
เพราะฉะนั้นถ้า HR ถูกมองเป็นเพียง “ฝ่ายบริษัท” พนักงานก็จะไม่กล้าเข้าใกล้ และนั่นทำให้ HR พลาดโอกาสในการเป็น “หัวใจสำคัญ” ของการรักษาคนเก่งไว้ในองค์กร
HR ต้องสร้างภาพใหม่ “ที่พึ่งของคนทำงาน”
การจะสร้างความเชื่อใจจากพนักงาน ไม่ได้เกิดจากการบอกว่า “เราจะฟังคุณ” แต่ต้องแสดงให้เห็นจริงผ่านพฤติกรรมและกระบวนการที่ชัดเจน สิ่งที่ HR ต้องสร้างขึ้นมาคือ พื้นที่ปลอดภัย (Psychological Safety) ซึ่งทำให้พนักงานมั่นใจว่า เวลามีปัญหาแล้วเข้ามาหา HR พวกเขาจะ…
ไม่ถูกตัดสิน
ไม่เอนเอียงไปข้างไหน
ไม่ถูกเปิดเผยความลับ
ได้รับการฟังอย่างแท้จริง
เห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นจริง
ซึ่งทักษะต่าง ๆ เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของทักษะจิตวิทยา ที่เรียกว่า“ทักษะให้คำปรึกษา” เป็นเรื่องของการฟังอย่างเข้าใจ ฟังอย่างไม่ตัดสินใจ และที่สำคัญ "ได้ยิน" ได้ในสิ่งที่คนตรงหน้าไม่ได้พูด เพราะฉะนั้นถือเป็นทักษะที่สำคัญอย่างมาก
และตอบโจทย์โดยตรงด้านการสร้างความสัมพันธ์กับคน เพราะจะทำให้ HR ทำได้มากกว่าเป็น “ฝ่ายบุคคล” แต่เป็น “ที่พึ่งของพนักงาน” ที่ช่วยทั้งฟัง เข้าใจ สะท้อน และติดตามผลค่ะ
เทคนิคจิตวิทยาที่ HR ใช้ได้จริง เป็น "ที่พึ่งทางใจ" ใครก็อยากเข้าหา
Build Rapport สร้างพื้นที่ปลอดภัย
- เริ่มจากสร้างกติกาง่าย ๆ เช่น ยืนยันความลับของสิ่งที่พนักงานเล่าว่าจะไม่เปิดเผย
- HR แสดงออกด้วยความจริงใจน้ำเสียง สีหน้า และท่าทางที่ไม่ตัดสิน
- การสร้างพื้นที่ปลอดภัยนี้ทำให้พนักงานกล้าพูดความจริงมากขึ้น
Empathize ฟังด้วยใจ ไม่ใช่แค่หาคำตอบ
- เวลาพนักงานเล่าเรื่อง อย่ารีบพูดคำแนะนำ ให้เงียบตั้งใจฟังพยักหน้าตอบรับ เน้นฟังเพื่อเข้าใจอารมณ์และความรู้สึก
- เมื่อเราจับสัญญาณบางอย่างได้ เช่น ถึงแม้เค้าจะไม่ได้พูดว่าเหนื่อย แต่เรารับรู้ถึงความเหนื่อย เราอาจจะเอาอารมณ์นั้นมาแปลงและพูดกลับไปว่า “ฟังดูคุณคงกดดันและเหนื่อยมากเลยนะคะ” สิ่งนี้จะทำให้พนักงานรู้สึกว่าเขาไม่ได้โดดเดี่ยว
Explore ถามให้ถึงราก
- ปัญหาที่พนักงานพูดอาจไม่ใช่ต้นเหตุจริง เช่น “งานเยอะ” อาจหมายถึง “ไม่มีใครช่วย” หรือ “หัวหน้าไม่เข้าใจ”
- HR ต้องถามซ้ำ แต่ถามให้ลึกว่า “สิ่งที่ทำให้คุณอึดอัดจริง ๆ คืออะไร” เพื่อเจอรากของปัญหา
Define สะท้อนเพื่อให้มั่นใจว่าเข้าใจตรงกัน
- HR ควรสรุปสิ่งที่พนักงานพูด หลังจากตั้งใจฟังอย่างเข้าใจแล้ว เช่น “สรุปว่าคุณรู้สึกไม่ได้รับการยอมรับจากหัวหน้า ใช่ไหมคะ”
- พนักงานจะรับรู้และสิ่งนี้ทำให้พนักงานมั่นใจว่า HR เข้าใจจริง ไม่ใช่แค่พยักหน้าไปเรื่อย ๆ
Find Way Out หาทางออกร่วมกัน
- HR ไม่จำเป็นต้องแก้ทุกอย่างเอง แต่สามารถเป็นตัวกลางเพื่อหาทางออกที่ทุกฝ่ายยอมรับได้
- เช่น ตั้งกติกาการสื่อสารใหม่ในทีม หรือนัดหมายหัวหน้า-ลูกน้องมาเจรจาแบบปลอดภัย
ตัวอย่าง Case Study HR ที่พนักงานไว้ใจได้จริง
Case ที่ 1 : HR ที่ถูกมองว่าเป็น “ฝ่ายบริษัท” กลายเป็น “เพื่อนที่พึ่งได้”
คุณเอยื่นใบลาออกบ่อยครั้ง เพราะรู้สึกว่าหัวหน้าไม่ยุติธรรม HR สมัยก่อนแก้ด้วยการบอกว่า “อดทนหน่อยนะคะ ช่วงนี้ทุกคนก็หนักเหมือนกันหมด” จนปัญหาไม่เคยถูกแก้จริง
แต่ HR รุ่นใหม่เปลี่ยนวิธี โดยใช้ Empathize ฟังความรู้สึก และ Explore ถึงต้นเหตุ จนเจอว่าคุณเอไม่ได้โกรธงาน แต่โกรธที่ “ไม่ได้รับการยอมรับ” ทำงานหนักไปเท่าไหร่ก็ไม่เคย "ถูกมองเห็น" เมื่อ HR ช่วยสะท้อนเรื่องนี้กับหัวหน้า และติดตามผล ผลลัพธ์ที่ได้คือคุณเอตัดสินใจอยู่ต่อและกลับมามีแรงทำงานอีกครั้งค่ะ
Case ที่ 2 : HR ที่ไม่ใช่ผู้พิพากษา แต่เป็นที่ปรึกษา
องค์กรหนึ่งเคยมีภาพลักษณ์ว่า HR คือ “ศาลตัดสิน” เวลามีปัญหาทีม HR จะชี้ว่าใครผิด ทำให้พนักงานไม่กล้าเล่า
แต่หลังจาก HR เริ่มใช้การฟังเชิงเข้าใจ (Empathize) และสะท้อนความรู้สึกกลับ (Reflect) พนักงานเริ่มกล้าเล่ามากขึ้น
บรรยากาศองค์กรเปลี่ยนไป พนักงานบอกว่า “รู้สึกว่า HR ฟังจริง ๆ ไม่ใช่ทำเป็นฟัง”
Case ที่ 3 : HR ที่ติดตามผล จนพนักงานรู้สึกว่าไม่ถูกทิ้ง
คุณซีมีปัญหากับทีม ทางด้าน HR เข้ามาไกล่เกลี่ยและช่วยหาทางออก แต่ที่ต่างออกไปคือ HR ไม่ได้รับฟังปัญหาผ่าน ๆ และทิ้งเธอไว้ลำพัง คอยติดตามและเอาใจใส่ตลอด อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา HR โทรมาถามว่า “ตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ” เพียงคำถามติดตามนี้ ทำให้คุณซีรู้สึกว่า HR อยู่ข้างเธอจริง ๆ และรู้สึกสบายใจทั้งได้ระบายสิ่งที่เป็นปัญหาออกไป และมีคนใส่ใจรับฟังอย่างตั้งใจ
HR ที่เป็นที่พึ่ง ต้องมีทักษะจิตวิทยาด้านคนหรือทักษะให้คำปรึกษา ถ้า HR อยากได้ความเชื่อใจ ต้องมีทักษะการฟัง การถามและการสะท้อน ซึ่งเป็นหัวใจของการสร้างความไว้วางใจ เป็น "ที่พึ่ง" ให้กับพนักงานในองค์กร และนี่คือสิ่งที่คุณสามารถฝึกได้ในคอร์สจิตวิทยาจาก iSTRONG หลักสูตรทักษะจิตวิทยาการให้คำปรึกษา หลักสูตรจากผู้เชี่ยวชาญ ที่จะช่วยคุณพัฒนาทักษะการให้คำปรึกษาได้จริง ในหลากหลายมิติ
ประโยชน์ต่อ HR
ได้รับความเชื่อใจจากพนักงานจริง ๆ
ลดความกดดันเวลาเป็นคนกลาง
ภาพลักษณ์เปลี่ยนจากฝ่ายองค์กร เป็นฝ่ายพนักงาน
ประโยชน์ต่อองค์กร
พนักงานกล้าเล่าความจริงมากขึ้น ปัญหาแก้ได้เร็วขึ้น
ลดอัตรการลาออก เพราะพนักงานมีที่พึ่งทางใจ
วัฒนธรรมองค์กรโปร่งใสและไว้ใจกันมากขึ้น
จุดเด่นของหลักสูตรจิตวิทยาการให้คำปรึกษาจาก iSTRONG
คลาสเล็ก จำกัดจำนวน ดูแลใกล้ชิด เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ทักษะอย่างเต็มที่
เน้นปฎิบัติฝึกจริง ไม่ใช่แค่ทฤษฎี ได้ลองใช้ทักษะทันทีในห้องเรียน เรียนรู้ผ่านการฝึกฝนผ่านการลงมือปฎิบัติจริง
สอนโดยจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้รับการดูแล ให้คำแนะนำ จากผู้มีประสบการณ์ด้านจิตวิทยาโดยเฉพาะ ให้เหมาะกับแต่ละสายงาน
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong
