top of page
GDN 980 x 120 psychiatrist.jpg

Parental Burnout เมื่อพ่อแม่หมดไฟ จะทำยังไงเพื่อฟื้นพลัง



เมื่อพูดถึงคำว่าหมดไฟ (Burnout) ส่วนใหญ่เราก็มักจะนึกถึงในบริบทของการทำงาน เพราะว่าจุดกำเนิดของคำว่า Burnout นั้นมีที่มาจากคำนิยามขององค์การอนามัยโลกที่ได้ประกาศให้ Burnout syndrome เป็นโรคที่เกิดจากความเครียดเรื้อรังในสถานที่ทำงาน ซึ่งควรได้รับการดูแลจากแพทย์เฉพาะทางก่อนจะรุนแรงและคุกคามการใช้ชีวิต อย่างไรก็ตาม ในบางครั้งมันก็เกิดขึ้นจากความเครียดเรื้อรังในบริบทอื่นได้อย่างเช่นการเรียน หรือแม้แต่การเป็นพ่อแม่ก็สามารถเกิดอาการหมดไฟได้เช่นกัน


อาการหมดไฟในพ่อแม่ (Parental Burnout) คืออะไร?

อาการหมดไฟในพ่อแม่ก็คือภาวะความเหนื่อยล้าทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ ที่เป็นผลมาจากความเครียดเรื้อรังของพ่อแม่ในการเลี้ยงดูลูก ซึ่งอาจจมาจากหลายสาเหตุ เช่น มีความเครียดและความเหนื่อยล้าจากงานอยู่แล้ว เมื่อกลับบ้านมาก็ต้องทำงานบ้าน หากับข้าวกับปลา ดูแลลูก กว่าจะได้พักก็แทบหมดแรงแล้ว

นอกจากนั้น Robyn Koslowitz นักจิตวิทยาคลินิกซึ่งเป็นผู้อำนวยการของ Center for Psychological Growth of New Jersey ได้กล่าวว่า พ่อแม่บางคนที่มีประสบการณ์ในวัยเด็กที่ทำให้เกิดบาดแผลทางใจมีแนวโน้มที่จะมีมุมมองต่อตนเองอย่างบิดเบือนไป เช่น เชื่อว่าตนเองจะไม่สามารถเป็นพ่อแม่ที่ดีให้กับลูกได้ เชื่อว่าพ่อแม่ของตนเองมีความสามารถสูงมากจนรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าพ่อแม่หรือไม่ดีพอ ซึ่งความเชื่อเหล่านี้มักนำไปสู่อาการหมดไฟได้ง่าย


สัญญาณบ่งชี้อาการหมดไฟในพ่อแม่

อาการหมดไฟในพ่อแม่อาจจะปรากฏขึ้นผ่านอาการแสดงออกต่าง ๆ ซึ่งแต่ละบุคคลก็อาจจะมีอาการแตกต่างกันออกไป แต่โดยส่วนใหญ่แล้วอาการหมดไฟในพ่อแม่มักปรากฏในรูปแบบ ดังนี้

  • เกิดความเหนื่อยล้า รู้สึกเพลีย หรือเหมือนกับพลังชีวิตมันเหือดแห้งอยู่เกือบตลอดเวลา

  • รู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสามารถที่จะจัดการอะไรได้ รู้สึกสิ้นหวัง หรือสงสัยในคุณค่าของตัวเอง

  • ปวดหัว ปวดตึงคอบ่าไหล่หรือกล้ามเนื้อตามร่างกาย

  • ขาดแรงจูงใจ

  • พฤติกรรมการกินการนอนเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม

  • รู้สึกโดดเดี่ยวแปลกแยกไปจากคนอื่น

  • หงุดหงิดง่าย

  • เริ่มแยกตัวจากคนอื่น ๆ ไม่อยากพบปะพูดคุยกับใคร

ถ้าพ่อแม่มีอาการหมดไฟควรทำยังไงดี?

อาการหมดไฟในพ่อแม่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ที่ควรปล่อยผ่าน เนื่องจากพ่อแม่ที่เกิดสภาวะเครียดเรื้อรังและมีความเหนื่อยล้าทางอารมณ์อาจส่งผลต่อรูปแบบและวิธีในการเลี้ยงดูลูกได้ เช่น พ่อแม่อาจจะเกิดความรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาที่บ้านและตะคอกใส่ลูก หรือเกิดอาการฟิวส์ขาดจึงใช้วิธีลงโทษลูกแบบรุนแรง ซึ่งพฤติกรรมของพ่อแม่ที่มีความเครียดเรื้อรังอาจนำไปสู่การสร้างบาดแผลทางใจให้กับลูกได้ พ่อแม่ทุกคนจึงควรหมั่นสังเกตตนเองโดยเฉพาะในด้านอารมณ์ หากพบสัญญาณบ่งชี้ว่าตนเองเข้าข่ายการมีภาวะเครียดหรือหมดไฟควรเริ่มต้นดูแลตนเองด้วยวิธีดังต่อไปนี้

1. หันมาเริ่มต้นดูแลสุขภาพของตนเอง

พ่อแม่หลายคนมักจะลืมใส่ใจสุขภาพของตนเอง อาจเพราะมีภารกิจมากมายทั้งเรื่องงาน หรืออาจโฟกัสแต่สุขภาพของลูกจนลืมไปว่า self-care ก็มีความสำคัญ ดังนั้น พ่อแม่ควรเริ่มกลับมาดูแลสุขภาพของตนเองบ้าง ด้วยการนอนหลับให้เพียงพอ เลือกการออกกำลังกายที่มีความเหมาะสมกับสภาพร่างกายจิตใจของตนเอง กินอาหารที่มีประโยชน์ และหากคุณเป็นพ่อแม่ที่มีความเชื่อว่า “ลูกต้องมาก่อน” จนทำให้ละเลยตัวเองไปจนหมด ขอให้คุณปรับมุมมองเสียใหม่ เพราะอย่าลืมว่าหากคุณไม่ดูแลตัวเองจนร่างกายจิตใจเกิดความเจ็บป่วยขึ้นมา แล้วใครจะมาดูแลลูกของคุณได้ดีเท่ากับคุณ


2. พูดคุยกับคนในครอบครัว

เมื่อเกิดอาการเหนื่อยล้าหรือมีสัญญาณของอาการหมดไฟ คุณควรพูดคุยกับคนในครอบครัวให้รับรู้ว่าตอนนี้มันกำลังเกิดอะไรขึ้นกับคุณอยู่ เพราะหากคุณพยายามแบกรับและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ด้วยตัวเอง คุณอาจจะไปสู่จุดที่ไม่ไหว ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่สามารถที่จะคาดเดาได้เลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นตามมา แต่หากคุณลองเปิดใจพูดคุยกับคนในครอบครัวของคุณว่าคุณกำลังเหนื่อยล้าหมดไฟ คนในครอบครัวของคุณก็จะสามารถเข้ามาให้ความช่วยเหลือคุณได้ ซึ่งดีกว่าคุณพยายามแบกรับทุกอย่างเอาไว้คนเดียว


3. หาโอกาสพักผ่อนให้กับตัวเอง

พ่อแม่หลายคนอาจจะเกิดความรู้สึกผิดที่ให้โอกาสตัวเองได้ไปพักผ่อน แต่นั่นเป็นความคิดที่ไม่มีผลดีกับใครเลยรวมถึงลูกด้วย เพราะพ่อแม่ที่เหนื่อยล้ามากเกินไปอาจแสดงอารมณ์ทางลบออกมาโดยไม่รู้ตัว ต่างจากพ่อแม่ที่รู้เท่าทันอารมณ์และความเครียดของตนเองจึงพยายามหาโอกาสไปพักผ่อนหย่อนใจบ้าง นอกจากนั้น หากคุณเป็นคู่สมรสที่เริ่มตึง ๆ ใส่กัน การฝากลูกไว้กับคนอื่นเป็นบางเวลาเพื่อหาโอกาสไปเดทกันตามลำพังเหมือนสมัยที่ยังไม่มีลูกบ้าง ก็อาจจะได้ทั้งการฟื้นฟูพลังกายพลังใจ และอาจจะได้โอกาสในการกระชับความสัมพันธ์ปรับความเข้าใจกับคู่สมรสไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งหากคุณได้ลองติดตามข่าวคู่รักดาราบางคู่ก็จะพบว่าพวกเขาใช้เคล็ดลับแบบนี้ในการรักษาความสัมพันธ์ของเขาเช่นกัน


4. ฝึกใจดีกับตัวเอง

บ่อยครั้งคนเป็นพ่อแม่ก็เคี่ยวเข็ญกดดันตัวเองให้สมบูรณ์แบบหรือไม่มีข้อผิดพลาด บางคนถึงขั้นไม่อนุญาตให้ตัวเองมีอารมณ์ทางลบเกิดขึ้นเลย แต่ก็มักจะพบว่ายิ่งอยากจะเป็นพ่อแม่ที่สมบูรณ์แบบมากเท่าไหร่ มันกลับยิ่งทำให้ทุกอย่างพังหรือแย่ลงไปเท่านั้น ดังนั้น คุณจึงควรฝึกที่จะใจดีกับตัวเอง เช่น อนุญาตให้ตัวเองโกรธได้ ร้องไห้ได้ บอกตัวเองว่าไม่เห็นจำเป็นต้องเป็น super dad/ super mom เลย และเมื่อมีปัญหาก็สามารถขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้นะ


5. พบผู้เชี่ยวชาญ

การพบผู้เชี่ยวชาญเป็นวิธีที่ดีมากวิธีหนึ่ง ซึ่งหากคุณไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังเผชิญอยู่กับปัญหาทางอารมณ์จิตใจก็อาจจะเริ่มต้นด้วยการปรึกษาจิตแพทย์เด็กเกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงลูกที่เหมาะสมก่อนก็ได้ หรือหากคุณเป็นคนที่รู้ตัวแล้วว่าตัวเองเริ่มไม่ไหว ก็อยากเชิญชวนให้ลองเปิดใจพบผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เช่น จิตแพทย์ นักจิตวิทยา นักจิตบำบัด หรือลองไประบายกับนักให้คำปรึกษาก็ได้ค่ะ เพราะหากปล่อยเอาไว้นานมันอาจจะกลายเป็นปัญหาสุขภาพจิตขึ้นมาได้ เช่น โรคซึมเศร้า ฯลฯ



สำหรับใครที่กำลังเครียด กังวล คิดมาก ทั้งเรื่องของปัญหา Burn Out จากการทำงาน ปัญหาความสัมพันธ์ต่างๆ ในครอบครัว คนรัก ไปจนถึงภาวะต่างๆ เช่น ซึมเศร้า ทุกปํญหาสำคัญและเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเราเสมอ


iSTRONG ยินดีให้บริการ ปรึกษาด้านสุขภาพจิตโดยผู้เชี่ยวชาญ ทั้งจากจิตแพทย์และนักจิตวิทยา ดูรายละเอียดได้ที่นี่


 

iSTRONG Mental Health

ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร


บริการของเรา

สำหรับบุคคลทั่วไป

• บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa

• คอร์สฝึกอบรม การเป็นนักจิตวิทยาให้คำปรึกษา : http://bit.ly/3RQfQwS


สำหรับองค์กร

• EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8


โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong

 

อ้างอิง

[1] Dear Exhausted and Burnt Out Parents, We’re Here to Help. Retrieved from. https://www.healthline.com/health/parenting/parental-burnout

[2] The impact of parental burnout. Retrieved from. https://www.apa.org/monitor/2021/10/cover-parental-burnout

[3] BURNOUT SYNDROME อย่ารอให้หมดไฟในการทำงาน. Retrieved from. https://www.bangkokhospital.com/content/burnout-syndrome



บทความที่เกี่ยวข้อง

 

ประวัติผู้เขียน

นางสาวนิลุบล สุขวณิช (เฟิร์น) ปริญญาโทสาขาจิตวิทยาการปรึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ปริญญาตรีสาขาจิตวิทยา (คลินิก) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ปัจจุบันเป็น นักจิตวิทยาการปรึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา (พ.ศ. 2555 – ปัจจุบัน)

และเป็นนักเขียนของ iSTRONG

facebook album post - square (1).png
1.พวกหลีกเลี่ยงความผูกพัน (2).png
บทความล่าสุด
bottom of page