Superman vs Lex Luthor: ในวันที่ Self-esteem มีปัญหา Self-love เยียวยาได้
- Chanthama Changsalak
- Jul 22
- 2 min read

ภาพยนตร์ Superman ฉบับ James Gunn เป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่อันสดใสให้แก่ Superman ที่ถือว่าเป็นตัวแทนของ “ความหวัง” และ Superman ยังมี Self-esteem ต่อความเป็น “Superman” สูง และสุดยอดตัวร้ายในเวอร์ชั่นนี้ คือ Lex Luthor อัจฉริยะนิสัยเสียที่มีความอิจฉา Superman จนหาเรื่องมาทำร้าย Superman อยู่เรื่อย ๆ จนวันหนึ่ง Lex Luthor ก็สามารถทำให้ Superman เกิด Low Self-esteem แต่ด้วย Self-love ที่ทำให้ Superman กลับมามี Self-esteem ที่เข้มแข็งอีกครั้ง
ก่อนอื่นเลย เรามาทำความรู้จักกับศัพท์จิตวิทยาคำแรกกันก่อนะคะ นั่นก็คือ คำว่า “Self-esteem” ซึ่งก็คือ การเห็นคุณค่าในตนเอง เป็นการรับรู้และประเมินคุณค่าของตนเองในแง่บวก เป็นความรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า มีความสามารถ และสมควรได้รับความรักหรือการยอมรับจากผู้อื่น
โดย Carl Rogers เจ้าพ่อทฤษฎีจิตวิทยาสายมนุษยนิยม กล่าวว่า Self-esteem เกิดจากความสอดคล้องระหว่าง “ตนเองที่แท้จริง” (Real self) กับ “ตนเองในอุดมคติ” (Ideal self) หากทั้งสองใกล้เคียงกันมาก จะทำให้บุคคลมี Self-esteem สูง ดังที่ Superman มี Ideal self ว่าตนเองเป็นคนดี เกิดมาเพื่อทำความดี ปกป้องโลก และ Real self ของเขาก็เป็นคนดี มีน้ำใจ
นั่นจึงทำให้เขามี Self-esteem สูง ในขณะที่ Lex Luthor มี Ideal self ว่าตนเองเป็นอัจฉริยะผู้เป็นที่รัก ได้รับการชื่นชมจากคนทั่วไป แต่ Real self กลับเป็นอัจฉริยะขี้อิจฉา สามารถทำลายคู่แข่งได้ด้วยวิธีสกปรก นั่นจึงทำให้ Self-esteem ของ Lex Luthor ไม่ค่อยจะมั่นคงเท่าไรนัก จึงทำให้เขาไม่มีความสุขในการใช้ชีวิต
สำหรับคำต่อมา คือ “Self-love” ในทางจิตวิทยามีความหมายว่า ความรักตนเอง การยอมรับ เห็นคุณค่า ดูแล และให้ความเคารพต่อตนเอง ทั้งในแง่ร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ โดยไม่ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์แบบหรือการยอมรับจากผู้อื่น
เป็นแนวคิดที่มีความเกี่ยวข้องกับ Self-esteem แต่เน้นที่การมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อตนเอง โดย Erich Fromm ผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยา ได้กล่าวไว้ในหนังสือ The Art of Loving ว่า “Self-love is not selfishness, but a prerequisite for loving others.” แปลได้อย่างซึ้งใจ ว่า “ความรักตนเองไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว แต่เป็นเงื่อนไขพื้นฐานของการรักผู้อื่นได้”
จากความหมายข้างต้นจะเห็นว่า Self-love และ Self-esteem เป็นแนวคิดทางจิตวิทยาที่ใกล้ชิดกันและมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง เนื่องจาก Self-love เป็นรากฐานที่นำไปสู่ Self-esteem กล่าวคือ บุคคลที่รักตนเองจะยอมรับในความเป็นมนุษย์ของตนเอง ทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งนำไปสู่ความรู้สึกว่า “ฉันมีคุณค่า แม้ฉันจะไม่สมบูรณ์แบบ” หรือ “ฉันก็เป็นมนุษย์เหมือนกับทุกคน” ซึ่งเป็นแก่นของ Self-esteem
ด้วยเหตุนี้ จึงสามารถสรุปเป็น 7 เทคนิคจิตวิทยาในการเพิ่ม Self-love เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของ Self-esteem จากภาพยนตร์ Superman ดังนี้ค่ะ
เมตตาต่อตนเอง
แม้ว่าในช่วงที่ Self-esteem ของ Superman ถูกสั่นสะเทือนจากเหตุการณ์สำคัญบางอย่าง จะทำให้เขาสูญเสียความเชื่อมั่นในตนเอง จนหมดอาลัยตายอยาก ไม่ออกปฏิบัติหน้าที่ไปช่วงหนึ่ง แต่เมื่อเขาได้กลับไปพักกาย พักใจที่บ้านไร่ ได้พูดคุยกับพ่อ และแม่บุญธรรม
เขาก็ได้กลับมาเมตตาตนเอง (Self-Compassion) และยอมรับว่าคนเราทุกคน (รวมถึงชาวดาวคริปตัน) ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ทุกคนผิดพลาดกันได้ แต่ก็สามารถแก้ไข หรือปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นได้ ทุกคนไม่สามารถเลือกเกิดได้ แต่ก็สามารถเลือกทางเดินชีวิตของตนเองได้
ปกป้องตนเอง
การรักตนเอง คือ การกล้าปกป้องสุขภาพจิต หรือร่างกายของตนเอง โดยการตั้งขอบเขต (Set Boundaries) ว่าเราสามารถรับการคุกคามได้มากแค่ไหน ถ้าหากถูกคุกคามเกินกว่าขอบเขตที่จะรับได้ เราต้องกล้าพูดว่า “ไม่” กับสิ่งที่ทำร้ายจิตใจ กล้าต่อต้านต่อสิ่งที่ทำร้ายร่างกาย
เช่น หลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ หรือทำ Social Detox เพื่อปิดกั้นตนเองจากสิ่งที่ทำร้ายจิตใจ เป็นต้น เหมือนตอนที่ Lois Lane นักข่าวสาวและแฟนสาวของ Superman สัมภาษณ์เรื่องเปราะบางจนเขารู้สึกไม่โอเค เขาก็กล้าที่จะหยุดการให้สัมภาษณ์ และบอกกับคนรักตรง ๆ ว่า รู้สึกไม่ดีต่อการสัมภาษณ์
ดูแลร่างกายและจิตใจให้แข็งแรงอยู่เสมอ
Superman มีการสร้าง Self-love ด้วยการดูแลร่างกายและจิตใจด้วยความตั้งใจ (Mindful Self-Care) มีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ มีการรับประทานอาหารที่ดี มีการนอนหลับอย่างเพียงพอ มีการเลี้ยงน้องหมา ชื่อ คริปโต ที่แม้จะป่วน แต่ก็เป็นสัตว์เลี้ยงคู่ใจ คอยเยียวยาจิตใจในวันที่อ่อนล้า หรือเจอเรื่องหนักหนาในชีวิต
ซึ่งการดูแลตนเองเป็นอย่างดีนี้สามารถส่งผลต่อความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง (Self-efficacy) เพราะผู้ที่ดูแลตนเองดีจะมีความมั่นใจในศักยภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ ว่าสามารถรับมือกับปัญหาที่เข้ามาในชีวิตได้ รวมถึงยังมีผลต่อความเคารพในตนเอง (Self-respect) เนื่องจากผู้ที่ดูแลตนเองดี จะมีการยอมรับและให้คุณค่าแก่ตนเอง
พูดเชิงบวกกับตนเอง
ถึงแม้ Superman จะมีความสงสัยในคุณค่า และเป้าหมายการใช้ชีวิตของเขา แต่เขาก็ไม่เคยมีคำพูดเชิงลบเกี่ยวกับตนเองเลย มีแต่ความสงสัยว่า “ฉันเป็นคนดีจริงหรือไม่?” “ฉันมาที่โลกทำไม?” จนเมื่อพ่อบุญธรรมพูดให้เขาคิดได้ว่า “พ่อ แม่ ไม่เคยคาดหวังว่าลูกโตมาต้องเป็นแบบนั้น เป็นแบบนี้
พ่อ แม่ มีหน้าที่คอยสนับสนุนให้ลูกใช้ชีวิตบนโลกใบนี้อย่างมีความสุขที่สุด ส่วนลูกจะใช้ชีวิตอย่างไร หรือจะเป็นแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับลูกแล้วละ” นั่นจึงทำให้ Superman เปลี่ยนเสียงในหัว (Reframe Self-Talk) จากมีความคิดต่อตนเองในแง่ลบ เป็นการพูดกับตนเองในเชิงบวกที่กระตุ้นให้เกิดการพัฒนา เช่น ฉันดีกว่านี้ได้ ฉันสามารถพิสูจน์ตัวเองให้โลกเห็นได้ว่า “ฉันเป็นคนดี”
ฝึกขอบคุณตนเอง
ในภาพยนตร์ เราจะเห็นตลอดว่า Superman มักจะกล่าวคำขอบคุณทุกคนจนติดปาก แต่เขามักจะลืมขอบคุณตนเอง ดังนั้นเทคนิคจิตวิทยาในการการเสริม Self-love อีกข้อที่มีประสิทธิผลก็คือการฝึกขอบคุณตนเอง (Self-Gratitude Practice)
โดยเริ่มจากวิธีง่าย ๆ เช่น เขียน 3 สิ่งที่ชอบเกี่ยวกับตนเองในแต่ละวัน ขอบคุณร่างกายและจิตใจที่พยายามทำงานจนสำเร็จ หรือ ชื่นชมตนเองเมื่อทำสิ่งดี ๆ แม้จะเล็กน้อยก็ตาม ก็เสริมความรักตนเองที่จะนำไปสู่ความภาคภูมิใจในตนเองได้ค่ะ
ให้อภัยตนเอง
แม้ว่าการเป็น Superman จะต้องแลกมากับการสูญเสียบุคคลที่สำคัญบางคน หรือเสี่ยงต่อการถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม แต่ทุกครั้งที่เขาทำผิดพลาดทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ หรือเขาทำให้ผู้คนที่เขาพยายามปกป้องต้องบาดเจ็บ เขาก้สามารถให้อภัยตนเอง (Self-Forgiveness)
โดยพยายามก้าวไปข้างหน้า พัฒนาตนเองเพื่อลดความผิดพลาด ยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง เพื่อหาข้อบกพร่อง และปิดข้อด้อย โดยการเสริมจุดแข็ง และสามารถกลายเป็น “Superman” ที่ช่วยปกป้องโลกได้ดีกว่าเดิม
อยู่กับปัจจุบันอย่างมีสติ
ในช่วงต้นเรื่อง เราจะเห็นว่า Superman ค่อนข้างยึดติดกับอดีต คือ ยึดติดกับคำสั่งเสียของพ่อ และแม่ชาวคริปตัน แต่เมื่ออดีตมาทำร้ายเขา เขาก็จมอยู่กับความเจ็บปวด
จนเมื่อพ่อ แม่บุญธรรม ซึ่งเป็นคนธรรมดา เป็นชาวไร่ที่มีหัวใจใสซื่อ ที่รักเขาอย่างบริสุทธิ์ใจ ก็ทำให้เขากลับมามีสติ (Mindfulness) และอยู่กับปัจจุบันมากขึ้น ได้สังเกตความคิด ความรู้สึกของตนเอง โดยไม่ตัดสิน จนเขาสามารถตอบคำถามตนเองได้ว่า “ฉันคือใคร?”
สุดท้ายแล้วเราจะเห็นได้ว่า ทั้ง Superman และ Lex Luthor แม้จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ฝ่ายหนึ่งมีพละกำลังมหาศาล ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งมีสติปัญญาเป็นเลิศ แต่เมื่อ Self-esteem มีปัญหา คนที่มี Self-love มากกว่าจะสามารถยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งค่ะ
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong
บทความแนะนำ
อ้างอิง Bandura, A. (1977).
Social learning theory. Prentice-Hall.
Fromm, E. (1956).
The art of loving. Harper & Row.
Kabat-Zinn, J. (1990).
Full catastrophe living: Using the wisdom of your body and mind to face stress, pain, and illness. Delacorte.
Rogers, C. R. (1951).
Client-centered therapy: Its current practice, implications, and theory. Houghton Mifflin.
ประวัติผู้เขียน
จันทมา ช่างสลัก บัณฑิตจิตวิทยาคลินิกจากรั้ว มช. และมหาบัณฑิตจาก NIDA ปัจจุบันเป็นคุณแม่ลูก 1 ผู้เป็นทาสแมว ที่มุ่งมั่นจะพัฒนาการเขียนบทความจิตวิทยาให้โดนใจผู้อ่าน และสร้างแรงกระเพื่อมทางสังคม ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกบนโลกใบนี้