top of page

Zom 100 : เทคนิคการยอมรับความจริง และการอยู่อย่างมีความหวัง



หากตอนนี้ชีวิตของคุณเบื่อ เซ็ง เศร้า กับสถานการณ์ในชีวิต หรือสถานการณ์บ้านเมืองก็ตาม ขออนุญาตแนะนำภาพยนตร์ที่กำลังมาแรงใน Netflix เรื่อง Zom 100 ภาพยนตร์ซอมบี้ที่แม้แต่คนกลัวผีก็ดูได้ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่สร้างมาจากเอนิเมชั่นชื่อเดียวกันเลยค่ะ ว่าด้วยชายหนุ่มคนหนึ่งที่ชีวิตต้องทนทุกข์ทรมานกับการอยู่ในสังคมที่ทำงาน ที่มีการแข่งขันและมีความกดดันสูง


จนทำให้เขามีความเครียดอย่างมากและกลายเป็นมนุษย์ขยะ ก็คือ ไม่ใส่ใจตัวเอง ชีวิตไร้เรี่ยวแรงไร้พลังใจเกินกว่าจะเก็บกวาดห้อง จนห้องกลายเป็นขยะ แต่เมื่อซอมบี้บุกโลก สภาวะนี้อาจเป็นนรกสำหรับคนอื่น แต่มันคือสวรรค์ของพระเอกของเรา เพราะเขาไม่ต้องไปทำงานอีกต่อไป และเขาก็ได้เริ่มจดรายการที่ต้องทำ 100 รายการก่อนจะกลายเป็นซอมบี้ และใช้ชีวิตตามลิสต์อย่างมีความสุข (ซะอย่างนั้น) ถึงแม้ว่าในภาพยนตร์ชีวิตของพระเอกของเราจะไม่ได้มีความสุขไปเสียหมดอย่างที่คาดหวัง แต่เขาก็ฝึกตัวเองให้มีการยอมรับความจริง และปรับตัวโดยการอยู่อย่างมีความหวัง และทำให้เขาช่วยชีวิตผู้รอดชีวิตอื่น ๆ ได้ด้วยวิธีการของเขา


ซึ่งในบทความจิตวิทยานี้ก็ขอถอดข้อคิดที่ได้จาก Zom 100 ในประเด็นของการยอมรับความจริง และการอยู่อย่างมีความหวังมาฝากกันค่ะ


ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับขั้นตอนการยอมรับความจริงกันก่อนนะคะ โดย Elisabeth Kübler-Ross ผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาด้านการรับมือกับการสูญเสีย และผู้เขียนหนังสือ “การตายและภาวะความสูญเสีย” ได้อธิบายว่าเทคนิคจิตวิทยาในการยอมรับความจริง โดยเฉพาะความจริงที่โหดร้ายนั้น มีอยู่ด้วยกัน 5 ขั้นตอน ได้แก่


1. ระยะปฏิเสธความจริง (Danial)

ถ้าเปรียบกับบาดแผล ก็คือ ในช่วงที่เป็นแผลสด ได้แผลมาใหม่ ๆ เราจะเจ็บปวด และสะเทือนใจกับความจริงนั้นอย่างมาก เช่น ในตอนที่เราอกหักใหม่ ๆ เราแทบจะกินไม่ได้ นอนไม่หลับ หากความจริงนั้นมันรุนแรงมาก เราอาจจะรับความจริงไม่ได้ และปฏิเสธมัน ไม่เชื่อว่ามันได้เกิดขึ้นจริง


2. ระยะโกรธ (Anger)

เมื่อเรารับรู้แล้วว่าเกิดเหตุการณ์ทางลบขึ้นกับเรา เช่น การสูญเสียคนที่รัก การถูกไล่ออกจากงาน หรือโดนทิ้ง ก็ตามในช่วงหลังการซึมเศร้าเราจะแปรเปลี่ยนความรู้สึกสิ้นหวังมาเป็นอารมณ์ทางลบ คือ ความโกรธ ความเสียใจ ความผิดหวัง เพราะความจริงที่ร้ายกาจเหล่านั้นทำให้เราโดดเดี่ยว รู้สึกถูกทอดทิ้ง ต้องเผชิญปัญหาตามลำพัง


3. ระยะต่อรองกับความสูญเสีย (Bargaining)

เป็นช่วงเวลาที่เรากลับมาร้องไห้คร่ำครวญกับความเป็นจริงที่ไม่อาจแก้ไข หรือเรียกสิ่งที่สูญเสียไปย้อนคืนมาได้ ในหัวของเราจะมีแต่ความคิดว่า “ถ้าตอนนั้น..... คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้” และพร่ำโทษตัวเอง โทษคนอื่น และเป็นช่วงเวลาแห่งการรอคอยปาฏิหาริย์ที่ไม่มีจริง


4. ระยะซึมเศร้า (Depression)

หรือที่จริงแล้วต้องเรียกว่า “ช่วงเวลาทำใจ” เพราะเรารับรู้อย่างชัดเจนแล้วว่าความจริงคืออะไร และเราเปลี่ยนแปลง หรือหยุดยั้งมันไม่ได้ ดังนั้นเราจึงเก็บตัวจากคนใกล้ชิด แยกตัวจากสังคม เพื่อขอเศร้าให้เต็มที่ก่อนจะต้องไปเผชิญกับความเป็นจริง


5. ระยะยอมรับความจริง (Acceptance)

เป็นช่วงเวลาที่จิตใจเราสงบ และพร้อมที่จะเดินต่อไปแม้ความจริงจะเจ็บปวดและยากจะยอมรับก็ตาม แต่เมื่อชีวิตของเรายังอยู่ ก็ต้องสู้กันต่อไป ซึ่งในขั้นการยอมรับความจริงนี้การได้รับการสนับสนุนทางสังคมจากคนรอบข้างสำคัญมาก เพราะหากผู้ที่ต้องเผชิญความจริงอันเจ็บปวดยังคงรู้ว่าตัวเองโดดเดี่ยว จะมีโอกาสสูงมากที่เขาจะทำร้ายตนเอง แต่ถ้าหากเขาได้รับความใส่ใจ ความห่วงใย ความอบอุ่นจากคนรอบข้าง เขาจะมีกำลังใจในการชีวิตต่อไปได้ค่ะ


ทั้งนี้ Susan Kobasa ผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาได้เสนอแนวคิดว่า ผู้ที่สามารถยอมรับความจริงได้ และอยู่อย่างมีความหวังนั้น ควรมีคุณลักษณะสำคัญ 3 ประการ ซึ่งสอดคล้องพอดีกับคุณลักษณะที่พระเอก Zom 100 ของเรามี นั่นก็คือ


1. ความท้าทาย (Challenge)

ก่อนหน้าที่ซอมบี้จะระบาด พระเอกของเราใช้ชีวิตอย่างซังกะตายในห้องกองขยะ เพราะเขารู้สึกว่าการใช้ชีวิตของเขาไม่มีความท้าทาย อยู่ไปวัน ๆ แต่เมื่อซอมบี้บุก เหมือนกับเขาได้รับวันหยุดแบบไม่จำกัด เขากลายเป็นคนที่อยู่อย่างมีความหวัง และท้าทายตัวเองด้วย 100 รายการที่ต้องทำก่อนกลายเป็นซอมบี้

2. ความมุ่งมั่น (Commitment )

ถึงแม้ว่าชีวิตในโลกปกติของพระเอกจะเหนื่อย ล้า หมดเรี่ยวแรงกับการทำงาน แต่เขาก็ยังคงมุ่งมั่นพากายหยาบไปทำงาน และไม่ว่างานจะยากเย็น สังคมที่ทำงานจะโหดร้ายขนาดไหน ก็พยายามเอาตัวรอดมาได้ จนเมื่อโลกเกิดกลียุค ทุกคนติดเชื้อกลายเป็นซอมบี้ เขากลับมีความมุ่งมั่นมากกว่าเดิมที่จะมีชีวิต เพราะต้องการทำ 100 รายการที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จ

3. การควบคุมตนเอง (Control)

คุณสมบัติสำคัญที่เด่นชัดอย่างมากในตัวพระเอก ก็คือ เป็นคนที่ควบคุมตนเองได้ดีมาก แม้ว่าจะไม่ชอบงานที่ทำ ไม่ชอบสังคมที่ทำงาน แต่ก็บังคับตัวเองให้ไปทำงานได้ทุกวัน และในวันที่โลกเปลี่ยนไปเพราะมีซอมบี้ เขาก็ได้ใช้คุณสมบัตินี้ในการเอาตัวรอดอย่างมีเป้าหมาย โดยการวางแผน มีวินัย มีความอดทน และคิดถึงคนอื่น


นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยายังได้มีข้อแนะนำในการยอมรับความจริง และการอยู่อย่างมีความหวัง โดยทำการปรับ 3 อย่าง คือ


1. ปรับความคิด

เมื่อเราต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แล้วเรายังมาคิดลบไปอีก นอกจากจะไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว ความคิดอาจพาให้เราทำตัวเองให้แย่เข้าไปอีก เพราะเราจะจิตตกและไม่มีสติที่จะแก้ไขสถานการณ์ แต่ถ้าเราสามารถปรับความคิด ปรับใจให้มองหาแง่มุมบวกในสถานการณ์ ไม่ต้องให้เหมือนพระเอก Zom 100 ก็ได้ค่ะ รายนั้นก็สุดโต่งไป เอาแค่ให้บวกพอที่เราจะมีกำลังใจ มีแรงใจ และหาทางออกจากปัญหาได้ก็เพียงพอแล้ว


2. การปรับอารมณ์ ความรู้สึก

นอกจากที่เราจะต้องปรับความคิดแล้ว การปรับอารมณ์และความรู้สึกก็สำคัญ เพราะถ้าเราหัวร้อน หงุดหงิด อารมณ์ร้าย หรือซึมเศร้า เศร้าโศก เสียใจ อารมณ์เหล่านี้จะพาเราดิ่งจมลงไปในความมืด แล้วเราจะรู้สึกว่าเราไม่มีใคร ไม่มีทางออก แต่ถ้าเราปรับอารมณ์ ความรู้สึก ให้นิ่ง เราจะมีสมาธิ มีสติปัญญาในการเอาตัวรอด ปรับตัว และอยู่ต่อไปได้อย่างมีความหวัง


3. การปรับพฤติกรรม

หากพฤติกรรมเดิม ๆ ที่เคยทำมาประจำยิ่งทำร้ายเราให้เกิดความรู้สึกทางลบ หรือขัดขวางการยอมรับความจริงของเรา ขอให้ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูนะคะ เช่น ถ้าเราอยู่ในสภาวะการเงินที่ย่ำแย่ การซื้อของกระจุยกระจายเช่นเดิมจะยิ่งทำให้ฐานะเราแย่ลงกว่าเดิม หรือถ้าเรากำลังอกหัก การมาดูรูปเก่า ๆ ของเขาจะยิ่งทำให้เราเศร้าไปใหญ่ ดังนั้น หากพฤติกรรมใดที่ทำให้เราแย่ รีบเปลี่ยนเสียจะดีกว่าค่ะ


ถึงแม้ว่า Zom 100 จะออกมาเป็นโทนสดใส ตลกร้าย แต่ก็แฝงแง่คิด และตอกย้ำกับคนดูอย่างเราอยู่ตลอดทั้งเรื่องว่า ไม่ว่าความจริงจะโหดร้าย หรือเป็นอย่างไรเราก็ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงมันได้ แต่จงปรับตัวและอยู่อย่างมีความหวังค่ะ


และหากคุณต้องการพัฒนาตนเอง ให้กลายเป็นที่ปรึกษาที่เข้าอกเข้าใจตนเองและผู้คนมากขึ้น เพื่อปรับใช้ในการทำงาน ครอบครัว และในชีวิตประจำวัน คุณสามารถสมัครเรียน "หลักสูตรนักให้คำปรึกษากับนักจิตวิทยา" จาก iSTRONG ได้ที่นี่


สำหรับใครที่กำลังเครียด กังวล คิดมาก ทั้งเรื่องของปัญหา Burn Out จากการทำงาน ปัญหาความสัมพันธ์ต่างๆ ในครอบครัว คนรัก ไปจนถึงภาวะต่างๆ เช่น ซึมเศร้า ทุกปํญหาสำคัญและเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเราเสมอ


iSTRONG ยินดีให้บริการ ปรึกษาด้านสุขภาพจิตโดยผู้เชี่ยวชาญ ทั้งจากจิตแพทย์และนักจิตวิทยา ดูรายละเอียดได้ที่นี่



 

iSTRONG Mental Health

ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร


บริการของเรา

สำหรับบุคคลทั่วไป

  • บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa

  • คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS

สำหรับองค์กร

โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong

 

อ้างอิง :

1. Primocare. (2021, 30 กันยายน). “5 Stages of Grief" วิธีรับมือกับการสูญเสีย ก้าวผ่านความเศร้าด้วยการเข้าใจตัวเอง”. [Online]. สืบค้นเมื่อ 10 สิงหาคม 2566 จาก https://primocare.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%8D%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2-5-stages-of-grief/

2.โรงพยาบาลจิตเวชนครสวรรค์ราชนครินทร์. (มปป.). จะปรับตัวอย่างไร...ให้ผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากครั้งนี้ไปได้. [Online]. สืบค้นเมื่อ 10 สิงหาคม 2566 จาก https://nph.go.th/?p=5675

 

จันทมา ช่างสลัก บัณฑิตจากรั้ว มช. และมหาบัณฑิตจาก NIDA ปัจจุบันเป็นคุณแม่ลูก 1 ผู้เป็นทาสแมว ที่มุ่งมั่นจะพัฒนาการเขียนบทความจิตวิทยาให้โดนใจผู้อ่าน และสร้างแรงกระเพื่อมทางสังคม ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกบนโลกใบนี้


iSTRONG ผู้ให้บริการด้านสุขภาพจิต Solutions ด้านสุขภาพจิต ให้คำปรึกษาโดยนักจิตวิทยา นักจิตบำบัด นักจิตวิทยาคลินิกที่มีใบรับรอง รวมถึงบทความจิตวิทยา

© 2016-2025 Actualiz Co.,Ltd. All rights reserved.

contact@istrong.co                     Call 02-0268949

  • Facebook Social Icon
  • YouTube Social  Icon
  • Instagram
  • Twitter
bottom of page