ทำงานเก่ง แต่พูดแล้วไม่มีใครฟัง คุณอาจติดกับดักการสื่อสารแบบ ‘Child State’
- iStrong Mental Health
- 3 days ago
- 1 min read
Updated: 10 hours ago

คุณเคยรู้สึกไหมว่า...คุณทำงานเต็มที่ ทุ่มเทเวลาและพลังให้กับองค์กร
คุณเป็นคนที่พร้อมเสนอมุมมองใหม่ ๆ ในการประชุมเสมอ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบ หรือแย่กว่านั้นคือคำแย้งที่ทำให้คุณรู้สึกหมดกำลังใจ
คุณอาจเริ่มคิดว่า “ทำไมเขาไม่เห็นค่าฉัน” หรือ “นี่ฉันไม่มีบารมีพอจะให้คนฟังเหรอ” ความจริงแล้ว ปัญหาอาจไม่ใช่เนื้อหาที่คุณพูด หรือความสามารถที่คุณมี แต่อยู่ที่ “วิธีการสื่อสาร” ที่ส่งสัญญาณบางอย่างให้คนฟัง “ปิดใจ” โดยที่คุณเองก็ไม่รู้ตัว
สัญญาณนี้ มักเกี่ยวข้องกับสภาวะทางจิตใจที่เรียกว่า “Child State”
ตามหลักทฤษฎี TA (Transactional Analysis) ซึ่งเป็นแนวคิดทางจิตวิทยาที่แบ่งรูปแบบการสื่อสารออกเป็น 3 ภาวะหลัก
1 ในนั้นคือ Child State เป็นภาวะที่เราแสดงออกเหมือนเด็ก อาจเป็นการอ้อน อารมณ์น้อยใจ การเถียงแบบไม่มีเหตุผล หรือแม้แต่การประชดประชันเล็กน้อย
แม้ว่าในแต่ละสถานการณ์ข้อมูลที่คุณพูดอาจจะมีประโยชน์ก็จริง แต่ด้วยรูปแบบการสื่อสารแบบ Child State ผู้ฟังมักจะรู้สึกว่าคุณ “ขาดความน่าเชื่อถือ” หรือ “ขาดความเป็นผู้นำ” โดยอัตโนมัติ
ในหลายครั้งที่คุณอาจไม่รู้ตัวเลยว่า คุณกำลังใช้ Child State อยู่ เพราะมันคือรูปแบบการสื่อสารที่ฝังรากมาจากวัยเด็ก เช่น เมื่อรู้สึกว่าไม่ได้รับการยอมรับ คุณอาจเผลอใช้น้ำเสียงสูงขึ้น หรือใช้คำพูดที่ปกป้องตัวเองมากเกินไปและนั่นคือจุดที่ทำให้คนฟังตัดสินคุณจาก “พลังงาน” มากกว่าความจริงในคำพูด
ทฤษฎี TA แบ่งบุคลิกการสื่อสารออกเป็น 3 Ego States:
Parent: อำนาจสูง ออกคำสั่ง ตัดสิน หรือกำหนดกรอบให้ผู้อื่น
Adult: ใช้เหตุผล วิเคราะห์ข้อมูล รับฟังข้อเท็จจริงก่อนตัดสินใจ
Child: อารมณ์นำ อ่อนไหว สนุกสนาน ดื้อเงียบ
แม้ทั้ง 3 ภาวะจะมีข้อดีและข้อเสียในตัวเอง แต่ในสถานการณ์ที่คุณต้องการความน่าเชื่อถือ เช่น การนำเสนอในที่ประชุม การเจรจาต่อรอง หรือการพูดคุยกับผู้บริหาร การปรับจาก Child State ไปอยู่ใน Adult State จะช่วยให้คุณสื่อสารได้อย่างมั่นใจ มีน้ำหนัก และสร้างความร่วมมือในที่ประชุมได้มากกว่า
เทคนิคฝึกเลื่อนตัวเองจาก Child State ไปสู่ Adult State
สังเกตตัวเองในขณะพูด
ลองบันทึกเสียงหรือวิดีโอตอนที่กำลังนำเสนอ แล้วสังเกตว่าน้ำเสียงสูงเกินไปหรือไม่ หรือมีคำพูดที่ฟังดูอ้อนหรือปกป้องตัวเองเกินไปหรือเปล่า
ใช้ข้อมูลสนับสนุนทุกประเด็น
แทนที่จะพูดว่า “ผมว่ามันน่าจะดี” ให้ปรับคำพูดเป็น “จากข้อมูลวิจัยล่าสุด...” หรือ “จากผลลัพธ์ที่เราทดสอบเมื่อเดือนที่แล้ว…”
ตั้งคำถามปลายเปิด
เพื่อทำให้การสนทนาเกิดการมีส่วนร่วมระหว่างกัน เช่น “คุณคิดว่าแนวทางนี้จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ยังไงบ้าง”
ควบคุมภาษากาย
เปิดไหล่ มองตา น้ำเสียงมั่นคง เว้นจังหวะก่อนตอบเพื่อแสดงความมั่นใจ
ฝึก Self-awareness
ฝึกสำรวจตนเองให้รู้ทันอารมณ์เสมอ เช่น ฝึกหยุดคิด 3 วินาทีก่อนพูด ถ้าเราเริ่มรู้สึกไม่พอใจ
ทำไม Adult State ถึงสำคัญ
เพราะความเป็นจริงในโลกของการทำงาน ความสามารถเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ คุณจะต้องมีทักษะที่ทำให้คน “เชื่อใจ” และ “เห็นด้วย” กับคุณด้วย และนี่คือเหตุผลเมื่อคุณสื่อสารได้แบบ Adult State มันจะกลายเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างอิทธิพลให้แก่ตัวคุณเอง เพราะเมื่อคุณสื่อสารใน Adult State คนฟังจะรับรู้และรู้สึกได้ว่า
คุณฟังอย่างเข้าใจ ไม่ตัดสิน
คุณมีเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ตัดสิน
คุณพร้อมหาทางออก มากกว่าหาผู้ผิด
คุณเป็นคนที่น่าเคารพและร่วมงานด้วย
ตัวอย่างสถานการณ์
เอ เป็นนักการตลาดที่มีไอเดียสร้างสรรค์ แต่ทุกครั้งที่เสนองานในที่ประชุม กลับถูกแย้งจนทำให้เสียความมั่นใจ ซึ่งหลังจากทำแบบประเมิน TA เขาพบว่าตัวเองมักตอบสนองด้วย Child State เสมอ เช่น น้ำเสียงสูงขึ้นเมื่อถูกท้าทาย ใช้คำพูดที่ปกป้องตัวเอง และชอบพูดว่า “ก็หนูคิดว่า…”
หลังจากรู้รูปแบบการสื่อสารของตัวเองแล้ว เอเริ่มได้มีการฝึกฝนและเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ โดยทำการเตรียมข้อมูลสนับสนุนทุกครั้ง ซ้อมนำเสนอหน้ากระจกพร้อมปรับน้ำเสียงให้มั่นคง มีความมั่นใจมากขึ้น และใช้คำถามดึงให้คนอื่นเกิดการมีส่วนร่วม
หลังผ่านไปได้เพียง 2 เดือน เอสังเกตว่าทีมเริ่มรับฟังมากขึ้นและหัวหน้าเริ่มมอบหมายโปรเจกต์สำคัญให้เอนำ
การสื่อสารไม่ใช่แค่ “พูดเก่ง” แต่ต้อง “พูดแล้วได้ผล” และผลลัพธ์นี้เกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคุณเข้าใจว่าตัวเองกำลังสื่อสารจากภาวะใด จากรูปแบบทักษะการสื่อสารโดยใช้เครื่องมือ Transactional Analysis เพราะโอกาสในชีวิตการทำงาน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเก่งของคุณเพียงอย่างเดียวแต่อยู่ที่ว่าคุณทำให้ “คนเชื่อในตัวคุณ” ได้มากแค่ไหน
ซึ่งในหลักสูตร The Art of Influence จาก iSTRONG เน้นเรื่องการปรับใช้ทฤษฎีจิตวิทยา Transactional Analysis เพื่อให้คุณสามารถพลิกแพลงและใช้ในหลากหลายสถานการณ์และจุดประสงค์ได้ คุณสามารถเรียนรู้ทักษะนี้เพิ่มเติมอย่างลึกซึ้งกับนักจิตวิทยาที่มากประสบการณ์ รวมทั้งได้ฟังเคสตัวอย่างการใช้จำนวนมาก และกิจกรรมการฝึกปฏิบัติในคลาสที่เหมาะสำหรับผู้นำ หัวหน้าทีม ผู้จัดการ และคนทำงานในองค์กรเป็นอย่างมาก
คุณสามารถเข้าดูรายละเอียดได้ที่นี่ หรือสอบถามได้ที่ @istrongacademy
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong