พนักงานลาออกเพราะ "คน" ไม่ใช่แค่ "งาน" HR ต้องเข้าใจจิตวิทยาถึงจะรักษาคนอยู่
- iStrong team
- 5 hours ago
- 2 min read
คนลาออกเพราะความสัมพันธ์ ไม่ใช่เพราะงาน เคยสังเกตไหมคะว่าพนักงานส่วนใหญ่ไม่ได้ลาออกเพราะ “งานมันยากเกินไป” แต่ลาออกเพราะ “ทำงานกับคนที่ไม่โอเค”
บางคนเก่งมาก แต่ทนหัวหน้าที่สื่อสารไม่ดีไม่ได้ บางคนมีศักยภาพสูง แต่หมดไฟเพราะทีมไม่ฟังกัน สุดท้าย HR ต้องเจอกับตัวเลข Turnover ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่องค์กรพยายามปรับสวัสดิการ ปรับเงินเดือนแล้ว ทำทุกวิธีก็แล้ว แต่กลับไม่ได้ผล
เพราะความจริงก็คือ เงินเดือนและสวัสดิการอาจดึงดูดคนได้ แต่สิ่งที่ทำให้คนอยู่ต่อคือ "ความสัมพันธ์ในที่ทำงาน" ค่ะ และนี่แหละคือ Pain Point ที่ HR ต้องเผชิญแทบทุกวัน จะทำยังไงให้พนักงานรู้สึกว่า “องค์กรนี้เห็นฉัน เข้าใจฉัน และอยากให้อยู่ต่อ”?
HR ที่เปลี่ยนจาก “ฝ่ายบุคคล” เป็น “ที่พึ่งทางใจ”
วิธีการรักษาคนในยุคนี้ ไม่ได้อยู่ที่การแก้ปัญหาเชิงระบบอย่างเดียว แต่คือการสร้าง “พื้นที่ปลอดภัย” ให้พนักงานกล้าพูด กล้าแชร์ และกล้าร่วมมือกับ HR เพื่อหาทางออกค่ะ และนี่คือทักษะจิตวิทยา 6 ทักษะของนักให้คำปรึกษา ที่ HR สามารถหยิบมาใช้เพื่อเปลี่ยนวิธีการพูดคุยกับพนักงานให้อยู่ในองค์กรต่อได้จริง
Build Rapport ทำให้พนักงานรู้สึกว่า HR ไม่ใช่ผู้สอบสวน
การนัดคุย 1:1 ไม่ควรเริ่มด้วยคำถามแข็ง ๆ อย่าง “ทำไมคุณถึงอยากลาออก” แต่ควรเริ่มจากคำถามง่าย ๆ เช่น “ช่วงนี้งานที่ทำอยู่รู้สึกยังไงบ้างคะ” แค่การเปิดบทสนทนาด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรและคำถามเบา ๆ ก็สร้างความแตกต่างได้มากค่ะ
Empathize ฟังอย่างตั้งใจ ไม่รีบแก้ปัญหา
เวลาพนักงานระบาย สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่คำตอบทันที แต่คือการได้รับการยอมรับความรู้สึก เช่น ถ้าพนักงานบอกว่า “ผมรู้สึกว่าไม่มีใครเห็นค่าที่ผมทำ” HR อาจตอบว่า “เข้าใจเลยนะคะ การทำเต็มที่แต่ไม่ได้รับการยอมรับมันเจ็บจริง ๆ” การสะท้อนแบบนี้ทำให้พนักงานรู้สึกว่า “อย่างน้อยก็มีคนเข้าใจ” และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความไว้ใจค่ะ
Explore เจาะให้ลึกเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง
หลายครั้งคำว่า “อยากลาออก” ไม่ได้มาจากงาน แต่จากคน เช่น ความขัดแย้งกับหัวหน้า หรือการสื่อสารที่ไม่ชัดเจน HR สามารถถามต่อได้ว่า “จริง ๆ แล้วอะไรที่ทำให้คุณตัดสินใจคิดเรื่องลาออกคะ” หรือ “ในงานที่ทำ มีจุดไหนที่ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยที่สุด” คำถามเชิงสำรวจแบบนี้จะพาไปถึงต้นตอของปัญหาค่ะ
Define ทำให้เข้าใจตรงกัน
ถ้า HR ฟังแล้วแต่ไม่ได้สรุป อาจทำให้เข้าใจผิดได้ เช่น “สรุปแล้ว สิ่งที่คุณรู้สึกคือไม่ได้รับ feedback จากหัวหน้าเลย ใช่ไหมคะ” แค่สรุปแบบนี้ก็ช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าเสียงของตัวเองมีคุณค่า และ HR ก็เข้าใจตรงประเด็นจริง ๆ ค่ะ
Find Way Out ร่วมกันหาทางออก ไม่ใช่ยัดเยียดทางแก้
แทนที่จะบอกว่า “งั้นเดี๋ยวเราจะจัด training ให้” ซึ่งอาจไม่ใช่สิ่งที่พนักงานอยากได้ HR อาจถามว่า “ถ้าในอนาคตคุณอยากได้อะไรที่จะช่วยให้การทำงานราบรื่นขึ้นคะ” การชวนให้พนักงานมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา ทำให้พวกเขารู้สึกเป็นเจ้าของทางออกด้วยค่ะ
Reflect ทบทวนเพื่อสร้างการเรียนรู้ร่วมกัน
หลังจากหาทางออกแล้ว HR ควรทิ้งท้ายด้วยการชวนคิด เช่น “สิ่งที่เราคุยกันวันนี้ คุณคิดว่ามีอะไรที่จะทำให้งานและความสัมพันธ์ดีขึ้นบ้างคะ” การสะท้อนแบบนี้ไม่ใช่แค่แก้ปัญหาตรงหน้า แต่ช่วยสร้างทักษะการเรียนรู้ให้ทั้งตัวพนักงานและองค์กรด้วยค่ะ
ตัวอย่าง Case Study
จากคนที่คิดจะลาออก สู่การตัดสินใจอยู่ต่อ
คุณสองเป็นคนที่มีผลงานดีมาก แต่วันหนึ่งเธอยื่นใบลาออกกะทันหัน เหตุผลที่ให้คือ “อยากหาความท้าทายใหม่ ๆ”
แต่เมื่อ HR นั่งคุยจริง ๆ ด้วยการใช้เทคนิค Build Rapport ผ่อนคลายและ Empathize ฟังอย่างตั้งใจจริง ๆ ว่าปัญหาคืออะไร ก็พบว่าความจริงแล้ว คุณบีไม่ได้อยากเปลี่ยนงาน แต่รู้สึกว่าหัวหน้าไม่เคยให้ feedback เลย ทำให้เธอรู้สึกไม่มีคุณค่า
HR ใช้ Explore สำรวจเพื่อถามต่อว่า “แล้วสิ่งไหนที่จะทำให้คุณรู้สึกว่าการทำงานที่นี่มีคุณค่ามากขึ้นคะ” คุณบีตอบว่า “แค่หัวหน้ามีเวลา Feedback ให้สักเล็กน้อย ก็พอแล้ว” เมื่อ HR นำข้อมูลนี้ไปคุยกับหัวหน้า และช่วย Define ปัญหาอย่างตรงไปตรงมา หัวหน้าก็ยอมปรับพฤติกรรม และเริ่มมีการ Feedback ทุกสัปดาห์
สุดท้าย คุณบีตัดสินใจอยู่ต่อ และยังกลายเป็นกำลังหลักของทีมต่อไป กรณีนี้แสดงให้เห็นชัดว่า หลายครั้งพนักงานไม่ได้อยากไปเพราะองค์กรไม่ดี แต่เพราะเขา “ไม่ถูกมองเห็น” และ HR ที่ใช้ทักษะนักให้คำปรึกษาเป็น ก็สามารถดึงคนเก่งให้อยู่ต่อได้ค่ะ
คนไม่ได้ลาออกเพราะงานเพียงอย่างเดียว แต่เพราะความสัมพันธ์ก็มีผลเช่นกัน เวลามีคนลาออก อย่าเพิ่งมองว่าเขาไม่ทนงานหนักนะคะ แต่ลองถามว่า “ความสัมพันธ์ในที่ทำงานทำให้เขาเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า” เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่ทำให้คนอยู่หรือไป ไม่ใช่ตัวงาน แต่คือ “คนที่ต้องทำงานด้วย” และนี่คือจุดที่ HR มีพลังที่สุดในการเปลี่ยนเกมค่ะ
HR ที่รักษาคนได้จริง ต้องฝึกทักษะจิตวิทยาเรื่องคน
Retention ไม่ใช่เรื่องของเงินเดือนอย่างเดียวอีกต่อไป แต่คือเรื่อง “ความสัมพันธ์” และ “ความรู้สึกว่ามีค่า” และ HR คือด่านสำคัญที่จะทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นจริงในองค์กร โดยทักษะเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่อ่านแล้วเข้าใจทันที แต่คือสิ่งที่ต้อง “ลงมือฝึก”
ถ้าคุณอยากฝึกอย่างจริงจัง จากผู้เชี่ยวชาญ หลักสูตรทักษะจิตวิทยาการให้คำปรึกษา ของ iSTRONG คือคำตอบที่จะช่วยคุณพัฒนาทักษะจิตวิทยาได้จริง ในหลากหลายมิติ
จุดเด่นของหลักสูตรจิตวิทยาการให้คำปรึกษาจาก iSTRONG
คลาสเล็ก จำกัดจำนวน ดูแลใกล้ชิด เพื่อให้ผู้เรียนได้รับทักษะอย่างเต็มที่
เน้นปฎิบัติฝึกจริง ไม่ใช่แค่ทฤษฎี ได้ลองใช้ทักษะทันทีในห้องเรียน เรียนรู้ผ่านการฝึกฝนผ่านการลงมือปฎิบัติจริง
สอนโดยจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้รับความรู้ทักษะ ที่ลึกซึ้งจากผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์โดยเฉพาะ นำไปต่อยอดในรูปแบบการทำงาน ความสัมพันธ์ และชีวิตส่วนตัว
ประโยชน์ต่อ HR
สร้างภาพลักษณ์เป็น HR ที่พนักงานไว้ใจ และกล้าเข้าหา
ได้ทักษะฟัง-ถาม-สะท้อน ที่จะวิเคราะห์คนได้เก่งขึ้น
รับมือกับการดูแลด้านทรัพยากรมนุษย์ กับพนักงานที่คิดจะลาออกได้อย่างมั่นใจ แบบ proactive
ประโยชน์ต่อการทำงานและองค์กร
ลด Turnover ประหยัดค่าใช้จ่ายในการสรรหาและฝึกอบรม
รักษาคนเก่งไว้ได้ ทำให้ความรู้และความเชี่ยวชาญไม่หายไป
วัฒนธรรมองค์กรแข็งแรงขึ้น เพราะพนักงานรู้สึกว่าองค์กรเห็นคุณค่า
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong