top of page

เมื่อเพื่อนร่วมงานเป็นโรคซึมเศร้า ควรปฏิบัติตัวกับเขาอย่างไรดี?

Updated: 4 days ago

iSTRONG เมื่อเพื่อนร่วมงานเป็นโรคซึมเศร้า ควรปฏิบัติตัวกับเขาอย่างไรดี?

หลายท่านอาจสังเกตเห็นว่า เพื่อนร่วมงานเป็นโรคซึมเศร้ากันมากขึ้น หรือคนใกล้ตัวป่วยด้วยโรคซึมเศร้ากันมากขึ้น ทั้ง ๆ ที่โรคซึมเศร้าไม่ใช่โรคระบาด แต่เกิดจากสารเคมีในสมองเสียสมดุล ประกอบกับการเผชิญความเครียด ความกดดัน ความผิดหวังซ้ำ ๆ ในชีวิตประจำวัน


จากข้อมูลของสำนักงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกรมสุขภาพจิต พบว่าในช่วงเดือนตุลาคม 2566 ถึงเมษายน 2567 มีคนไทยในวัยทำงาน 17.2% มีความเสี่ยงป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจาก สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ระบุว่าคนวัยทำงานไทยกำลังเผชิญกับโรคซึมเศร้า ประมาณ 17.0%


นั่นหมายความว่า หากเรามีเพื่อนร่วมงาน 100 คน จะมีเพื่อนร่วมงานเป็นโรคซึมเศร้า 17 คน หรือหากเรามีเพื่อนร่วมงาน 10 คน จะมีเพื่อนร่วมงานเป็นโรคซึมเศร้า ประมาณ 1 – 2 คน เลยทีเดียว แล้วเราจะสังเกตได้อย่างไรว่าเพื่อนร่วมงานเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งตามเอกสารทางวิชาการทางจิตวิทยา ได้ให้ข้อสังเกตของเพื่อนร่วมงานเป็นโรคซึมเศร้าไว้ 5 ข้อสังเกต ดังนี้


  1. มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

    จากคนที่เคยร่าเริงสดใส จะกลายเป็นคนมืดหม่น เก็บตัว หลีกหนีสังคม ดูหมดพลัง ขาดงานบ่อย หรือมาทำงานสายโดยไม่มีเหตุผล ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร


  2. ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง

    มักจะเหม่อลอย ไม่ค่อยมีสมาธิในการทำงาน ทำงานพลาดบ่อย ตัดสินใจช้าลงมาก อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะตัดสินใจผิดพลาด มักจะหลีกเลี่ยงการรับงานเพิ่ม เพราะงานเดิมที่มีก็ทำช้ามาก และบ่อยครั้งมักจะมีพฤติกรรมแอบงีบในที่ทำงาน ดูไม่กระตือรือร้นเหมือนเคย


  3. อารมณ์แปรปรวนมาก

    จากคนที่โลกสดใส จิตใจเข้มแข็ง จะกลายเป็นคนใจบาง มีอะไรมากระทบกระทั่งเพียงเล็กน้อย ก็พร้อมจะเศร้าซึม ร้องไห้ได้ตลอดเวลา หรือบางคนจะมาในรูปแบบคนหัวร้อน หงุดหงิดไปหมดทุกสิ่ง ไม่มีความสุขกับการใช้ชีวิตเลย


  4. มักพูดในเชิงลบ

    ข้อสังเกตสำคัญของเพื่อนร่วมงานเป็นโรคซึมเศร้า ก็คือ มักแสดงความคิดเห็นในเชิงลบ เช่น มองโลกในแง่ร้าย พูดตำหนิตนเอง มองว่าคนรอบข้างใจร้ายกับตน โดยมักจะมีคำพูดเชิงลบที่แสดงถึงความหมดหวัง ความท้อแท้ เช่น “ฉันมันแย่” “ชีวิตฉันมันก็ได้เท่านี้” หรือ “ไม่มีใครต้องการคนอย่างฉันหรอก” เป็นต้น


  5. ไม่ค่อยดูแลตัวเอง

    ผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้า จะไม่มีความสุขในการใช้ชีวิต ไม่มีเป้าหมายในการใช้ชีวิต จึงไม่เห็นความจำเป็นของการดูแลตนเอง เราจึงมักจะสังเกตเห็นว่าเพื่อนร่วมงานเป็นโรคซึมเศร้า มักจะแต่งกายไม่เรียบร้อยเหมือนเคย รับประทานอาหารบ้าง ไม่รับประทานบ้าง ไม่ค่อยเก็บโต๊ะทำงาน ใส่ใจตัวเองน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด


    ถึงแม้ว่าเพื่อนร่วมงานเป็นโรคซึมเศร้าจะสามารถทำงานได้ และเป็นภาวะเจ็บป่วยทางจิตใจที่สามารถรักษาให้หายได้ แต่ระหว่างที่เพื่อนร่วมงานที่เป็นโรคซึมเศร้าเข้ารับการรักษาอยู่นั้น เราก็ต้องระมัดระวังคำพูด รวมถึงพฤติกรรมที่ปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงานเป็นโรคซึมเศร้า


    เพราะคำพูดหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอาจกระทบจิตใจของอย่างรุนแรงซึ่งอาจไปกระตุ้นอาการของโรคซึมเศร้าให้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ดังนั้นแล้ว ผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาจึงได้แนะนำข้อปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงานเป็นโรคซึมเศร้าเอาไว้ดังนี้ค่ะ


  1. พยายามเข้าใจและไม่ตัดสิน

    ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่าโรคซึมเศร้าเป็นความเจ็บป่วย ไม่ใช่ความอ่อนแอ สามารถรักษาได้ และการเจ็บป่วยด้วยโรคซึมเศร้ามีสาเหตุหลายประการทั้งสารเคมีในสมองไม่สมดุล ปัจจัยทางสังคม ปัจจัยทางเศรษฐกิจ ปัจจัยทางครอบครัว หรือปัจจัยทางสุขภาพก็สามารถส่งผลให้เกิดโรคซึมเศร้าได้ทั้งนั้น

    เพราะฉะนั้นแล้วจึงเป็นเหตุผลว่าเราควรหลีกเลี่ยงการพูดว่า “สู้ ๆ นะ เดี๋ยวก็หาย” หรือ “อย่าไปคิดมากสิ” เพราะคำพูดเหล่านี้จะยิ่งตอกย้ำว่าเรา “ไม่เข้าใจ” ผู้ป่วยซึมเศร้าเลย ดังนั้นขอให้เปลี่ยนคำพูดเป็น “ฉันอยู่ข้าง ๆ นะ” “มีอะไรเล่ามาให้ฟังได้เสมอนะ” ซึ่งแสดงให้เขาเห็นว่าเราพร้อมจะรับฟังเขาอย่างตั้งใจอยู่เสมอ


  2. เป็นผู้ฟังที่ดี

    เมื่อเราแสดงความพร้อมที่จะรับฟังแล้ว ก็มาถึงเทคนิคจิตวิทยาการฟังอย่างตั้งใจค่ะ โดยเราต้องรับฟังอย่างตั้งใจ ไม่ขัดจังหวะ ไม่พยายามเร่งให้เขา “คิดบวก” โดยใส่ใจความรู้สึกมากกว่าแค่เนื้อหา เน้นการฟังเพื่อเข้าใจ ไม่ใช่ฟังเพื่อหาคำตอบ หลีกเลี่ยงการตัดสินหรือเปรียบเทียบ


    โดยอย่าพูดว่า “คนอื่นก็เจอหนักกว่า” หรือ “เธอแค่คิดมากไปเอง” แต่ให้ใช้คำที่สะท้อนความรู้สึกของเขา เช่น “มันคงยากมากเลยสินะกับสิ่งที่กำลังเจออยู่” และถึงแม้ว่าบางครั้วเขาอาจไม่พูดอะไรเลย การนั่งอยู่เฉย ๆ ข้าง ๆ เข้าก็มีพลังมากพอให้เขารู้สึกอุ่นใจ


    สุดท้ายแล้ว ควรหมั่นยืนยันว่าเพื่อนร่วมงานของเรามีคุณค่าด้วยคำง่าย ๆ เช่น “เธอสำคัญกับทีมมากนะ” “เพราะมีเธอพวกเราเลยทำงานยาก ๆ กันมาได้” เป็นต้น


  3. ให้การสนับสนุนแบบไม่ก้าวก่าย

    การสนับสนุนเพื่อนร่วมงานเป็นโรคซึมเศร้า “แบบไม่ก้าวก่าย” คือการให้ความช่วยเหลือด้วยความเคารพในพื้นที่ส่วนตัวของเขา โดยไม่ทำให้เขารู้สึกว่า “ถูกควบคุม” หรือ “ถูกรบกวน” ซึ่งมีความสำคัญมาก เพราะคนที่เป็นโรคซึมเศร้ามักรู้สึกอ่อนไหวและระวังการถูกตัดสินใจแทน


    โดยใช้คำถามที่แสดงถึงความห่วงใย เช่น “ถ้าต้องการคนช่วยงานตรงนี้ เราช่วยได้นะ” หรือ “ช่วงนี้เธอโอเคไหม มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะ” เป็นต้น หากเขาไม่ต้องการความช่วยเหลือ เราก็อยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ เมื่อเขาต้องการเราก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน เพียงเท่านี้เขาก็รู้สึกว่าที่ทำงานเป็น Safe Zone ขึ้นมาแล้วค่ะ


  4. เคารพความเป็นส่วนตัว

    การเคารพความเป็นส่วนตัวของเพื่อนร่วมงานเป็นโรคซึมเศร้าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะสามารถช่วยให้เขารู้สึกปลอดภัย ไม่ถูกรุกล้ำ และมีโอกาสฟื้นฟูสภาพจิตใจได้ดีขึ้น โดยเราต้องไม่ซักไซ้เรื่องส่วนตัวเกินจำเป็น อย่าไปคาดคั้นถามเขาว่า “เป็นอะไร ทำไมดูไม่สดใส?” หรือ “กินยาอยู่ใช่ไหม?” เพราะอาจทำให้เขาอึดอัดใจได้


    หากเพื่อนร่วมงานอยากเล่า เขาจะเปิดใจเองเมื่อรู้สึกไว้วางใจ และถ้าเพื่อนร่วมงานเล่าอะไรให้ฟัง ก็ควรจะรักษาความลับ เพราะการนำเรื่องของเขาไปเม้ามอยต่อจะทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยและสูญเสียความไว้วางใจเราไปเลยค่ะ เพราะฉะนั้นเราควรสนับสนุนอย่างเงียบ ๆ และมีความเห็นอกเห็นใจ โดยแสดงท่าทีว่าพร้อมอยู่เคียงข้างเมื่อเขาต้องกา


  5. สังเกตพฤติกรรมเสี่ยง

    หากเห็นสัญญาณรุนแรง เช่น พูดถึงความตาย การทำร้ายตนเอง หรือขาดงานติดต่อกันควรแจ้งหัวหน้างานหรือบุคลากรที่เกี่ยวข้องอย่างสงบและรอบคอบ แต่ทั้งนี้ต้องทำอย่างระมัดระวังและเคารพความเป็นส่วนตัว และควรสนับสนุนให้เขาขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยา


    โดยที่เขารู้สึกว่าไม่ได้ถูกบังคับ โดยเราอาจแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาที่เชื่อถือได้ เช่น สายด่วนสุขภาพจิต 1323 หรือแนะนำให้เข้ารับการประเมินเบื้องต้นในสถานพยาบาลใกล้บ้านที่มีนักจิตวิทยา แต่ถ้าเขายังไม่พร้อม อย่าเร่ง อย่าบังคับ แต่ให้รู้ว่าเราพร้อมที่จะสนับสนุนการรักษาและอยู่เคียงข้างเขาเสมอ


การรู้ว่าเพื่อนร่วมงานเป็นโรคซึมเศร้าไม่ใช่เพื่อ “ตัดสิน” แต่เพื่อ “สร้างความสัมพันธ์ที่เกื้อกูล” เพราะคนที่เป็นโรคซึมเศร้ามักมีความเปราะบางทางอารมณ์มากกว่าคนทั่วไป การพูดล้อเล่น เสียดสี หรือแม้แต่การแสดงความไม่ใส่ใจ อาจเป็น “ฟางเส้นสุดท้าย” ที่ทำให้เขาทรุดหนักลง


ดังนั้นการแสดงความเข้าใจและเอื้ออาทรต่อเพื่อนร่วมงานจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคซึมเศร้า เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และเพิ่มความสุขในการทำงานได้อีกด้วย


หากคุณเป็นหนึ่งคนที่อยากเข้าใจเรื่องซึมเศร้ามากขึ้น ทางเรา iSTRONG มีคอร์สออนไลน์ “ซึมเศร้า เราเข้าใจ” ที่ออกแบบโดยจิตแพทย์และนักจิตวิทยา เพื่อปูพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับโรคซึมเศร้าอย่างรอบด้าน ทั้งในเชิงทฤษฎีและการปฏิบัติจริง


ผู้เรียนจะได้เรียนรู้ตั้งแต่การรู้เท่าทันอาการซึมเศร้า ความแตกต่างระหว่างภาวะเครียด ภาวะหมดไฟ และโรคซึมเศร้า ไปจนถึงวิธีการรับมือ ให้คำปรึกษา และดูแลใจทั้งตนเอง คนรอบข้าง และคนที่คุณรัก


ไม่ว่าคุณจะกำลังเผชิญกับความเศร้า หรืออยู่ข้างๆ ใครบางคนที่กำลังเผชิญอยู่… คอร์สนี้จะเป็นแสงสว่างเล็กๆ ที่ช่วยให้เราเข้าใจกันมากขึ้น และดูแลใจกันได้ดีขึ้น

คลิกรายละเอียดคอร์ส “ซึมเศร้า เราเข้าใจ” 

iSTRONG Mental Health

ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร


บริการของเรา

สำหรับบุคคลทั่วไป

  • บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa  

  • คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS 

สำหรับองค์กร

โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong

บทความแนะนำ

อ้างอิง Mental Health America. (n.d.).

Depression in the workplace. Mental Health America. Retrieved July 14, 2025, from https://mhanational.org/learning-hub/depression-in-the-workplace/


สำนักงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และกรมสุขภาพจิต. (2024, กันยายน 5).

ผลสำรวจพนักงานไทย 40% เครียดสูง เสี่ยงซึมเศร้า 17.2% iHealthFocus. https://www.hfocus.org/content/2024/09/31560


สำนักงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และกรมสุขภาพจิต. (2024, พฤศจิกายน 1).

ปี 67 พบคนไทยเสี่ยงซึมเศร้า 17.20% เครียดสูง 15.48% iHealthFocus. https://www.hfocus.org/content/2024/11/32116

ประวัติผู้เขียน

จันทมา ช่างสลัก บัณฑิตจิตวิทยาคลินิกจากรั้ว มช. และมหาบัณฑิตจาก NIDA ปัจจุบันเป็นคุณแม่ลูก 1 ผู้เป็นทาสแมว ที่มุ่งมั่นจะพัฒนาการเขียนบทความจิตวิทยาให้โดนใจผู้อ่าน และสร้างแรงกระเพื่อมทางสังคม ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกบนโลกใบนี้


iSTRONG ผู้ให้บริการด้านสุขภาพจิต Solutions ด้านสุขภาพจิต ให้คำปรึกษาโดยนักจิตวิทยา นักจิตบำบัด นักจิตวิทยาคลินิกที่มีใบรับรอง รวมถึงบทความจิตวิทยา

© 2016-2025 Actualiz Co.,Ltd. All rights reserved.

contact@istrong.co                     Call 02-0268949

  • Facebook Social Icon
  • YouTube Social  Icon
  • Instagram
  • Twitter
bottom of page