top of page
GDN 980 x 120 psychiatrist.jpg

6 วิธีดูแลแผลสดจากการเลิกกับแฟน


ปัญหาความรักหรือการเลิกกับแฟนเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่มีคนมาปรึกษาบ่อย ซึ่งปัญหานี้สามารถสร้างความทุกข์ใจและส่งผลกระทบได้มากกว่าที่หลายคนคิด แม้ว่าสำหรับบางคนแล้วการเลิกกับแฟนจะเหมือนเป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่สามารถ move on ไปได้อย่างง่ายดาย แต่ก็มีหลายคนที่ไม่สามารถจะข้ามผ่านแผลใจที่เพิ่งเกิดมามาแบบสดใหม่ เพราะในการที่จะ move on จากการเลิกกับแฟนนั้นไม่ง่ายเสมอไป รวมถึงเวลาก็มีผลต่อการเยียวยาแผลใจของตนเองด้วยเช่นกัน ในบทความนี้จึงจะมาชวนทุกคนเรียนรู้ 6 วิธีดูแลแผลสดจากการเลิกกับแฟน ดังนี้


1. อนุญาตให้ตัวเองได้รู้สึกอย่างที่ตัวเองรู้สึกจริง ๆ

หลังจากเลิกกับแฟน หลายคนพยายามที่ร่าเริงหรือกลับไปเป็นปกติให้เร็วที่สุด หลายคนก็พยายามจะใช้ความคิดข่มความรู้สึกของตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้รู้สึก แต่ในความเป็นจริงแล้วมันโอเคมากที่จะรู้สึกเสียใจ โกรธ เจ็บปวด ผิดหวัง หลังจากที่เพิ่งเลิกกับแฟน เพราะไม่ว่าใครมาเจอกับเรื่องแบบนี้ก็ย่อมจะรู้สึกไม่แตกต่างกัน ดังนั้น แทนที่จะพยายามห้ามตัวเองไม่ให้รู้สึก คุณควรที่จะอนุญาตให้ตัวเองได้รู้สึกอย่างที่รู้สึกจริง ๆ มันจะดีกับคุณมากกว่า รวมถึงไม่ควรเร่งรัดตัวเองให้หายจากความรู้สึกแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นได้ไว ๆ เพราะมันจะยิ่งทำให้คุณรู้สึกแย่ลงยิ่งกว่าเดิม


2. อย่าหยุดดูแลตัวเอง

ถึงแม้จะเสียใจแค่ไหน ก็ไม่ควรที่จะหยุดดูแลตัวเองไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใจ โดยการดูแลนี้ไม่ใช่ทำไปเพื่อให้แฟนกลับมาสนใจหรือรีเทิร์นความสัมพันธ์ แต่เป็นไปเพื่อดูแลตัวเองจริง ๆ เช่น ดูแลเรื่องการกินการนอนของตัวเองให้เป็นปกติ เข้าร่วมกลุ่มหรือกิจกรรมที่ช่วยดึงคุณออกมาจากความรู้สึกจมปรัก หาเพื่อนคุยเพื่อลดความรู้สึกโดดเดี่ยวถูกทอดทิ้ง


3. เรียนรู้วิธีในการเมตตาตัวเอง (self-compassion)

หลายคนมักจะกล่าวโทษตำหนิตัวเองหลังจากเลิกกับแฟน เช่น “เขาเลิกกับฉันแสดงว่าฉันต้องมีอะไรที่ไม่ดีแน่ ๆ เลย” “ฉันไม่ดีตรงไหน ทำไมเขาเลิกรักฉัน” แต่ในความเป็นจริงแล้วคนที่จะถูกรักก็ไม่ได้เป็นคนที่สมบูรณ์แบบเสมอไป ดังนั้น มันจำเป็นต้องค้นหาว่าคุณผิดพลาดอะไรตรงไหน แต่สิ่งที่คุณควรทำในช่วงที่แผลยังสดใหม่ก็คือ เรียนรู้ที่จะเมตตาตัวเองและไม่ใจร้ายกับตัวเองด้วยการเอาแต่โทษกล่าวโทษตำหนิตัวเอง


4. โฟกัสกับปัจจุบัน

อดีตได้ผ่านไปแล้ว แม้มันจะเคยจริงอยู่ในช่วงเวลาหนึ่งแต่ในปัจจุบันถ้ามันไม่จริงแล้วก็เสียเวลาที่จมอยู่กับมัน ส่วนอนาคตก็เป็นเวลาที่ยังมาไม่ถึง การไปหมกมุ่นครุ่นคิดหรือกังวลว่าต่อไปจะเป็นยังไงมันก็เสียเวลาเช่นกัน เพราะเมื่อวันพรุ่งนี้มาถึงจริง ๆ มันก็อาจจะสิ่งที่คาดเดาไม่ได้เกิดขึ้นทำให้ต้องคิดวิธีแก้ปัญหาขึ้นมาใหม่อยู่ดี แต่ปัจจุบันนั้นต่างออกไป เพราะมันคือช่วงเวลาเดียวที่คุณสามารถลงมือทำสิ่งต่าง ๆ ได้ สามารถดื่มด่ำและมีความสุขกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริง ๆ ได้ ดังนั้น แทนที่จะโหยหาอดีตหรือกังวลกับอนาคตซึ่งภาพต่าง ๆ ล้วนเกิดขึ้นในจินตนาการ คุณควรจะหันมาโฟกัสกับปัจจุบันซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คุณมีชีวิตอยู่แบบจริง ๆ จะดีกว่า ยกตัวอย่างเช่น ตอนที่จีบกันเขาเคยซื้อดอกไม้ช่อใหญ่มาเซอร์ไพรส์คุณ แต่ปัจจุบันทุกอย่างมันได้เปลี่ยนไปแล้ว ต่อให้หมกมุ่นครุ่นคิดจนหมดเวลาไปทั้งวันก็ไม่สามารถจะย้อนวันเวลากลับได้ แล้วจะเสียเวลาชีวิตไปกับสิ่งที่ไม่จริงต่อไปแล้วเพื่ออะไรกัน?


5. อย่าเพิ่งรีบมีความสัมพันธ์ครั้งใหม่

การให้เวลาตัวเองเพื่อเยียวยาแผลใจเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากคุณเพิ่งเลิกกับแฟนมาหมาด ๆ คุณควรใช้เวลาเพื่อรักษาแผลใจให้หายดีก่อน ซึ่งสำหรับบางคนก็อาจจะไม่ยากเพราะอาจยังเข็ดกับความรักครั้งเก่าอยู่ แต่ก็อาจจะมีบางคนที่หลังจากเลิกกับแฟนแล้วเกิดความรู้สึกเหงา รู้สึกตัวเองไร้ค่า สูญเสีย self-esteem ไปมาก ซึ่งในจุดนี้ต้องระวัง เพราะหากคุณอาศัยการมีคนใหม่เพื่อมาปิดแผลสดของตัวเอง คุณอาจรีบร้อนเกินไปจนไม่ทันได้ทบทวนให้ดีว่าความสัมพันธ์ในครั้งนี้มันเป็นความรักจริง ๆ หรือมันเป็นเพียงความสัมพันธ์คั่นเวลาในช่วงเหงา


6. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต

ปัญหาความรักดูเผิน ๆ มันอาจจะเหมือนเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นปัญหาขึ้นมาได้ แต่ในความจริงแล้วปัญหาความรักสามารถส่งผลกระทบต่อบางคนได้ถึงระดับที่รุนแรง โดยเฉพาะคนที่มีบาดแผลในใจมาจากครอบครัวที่ส่งผลต่อมุมมองต่อความรักของตนเอง หรือในทางตรงข้ามคือเป็นคนที่เติบโตมากับครอบครัวที่ตามใจทำให้ไม่คุ้นชินกับความผิดหวัง วิธีการดูแลตัวเองต่าง ๆ จึงอาจไม่ได้ผลสำหรับคนที่ได้รับผลกระทบทางจิตใจจากการเลิกกับแฟนในระดับที่รุนแรง เช่น กินไม่ได้นอนไม่หลับติดต่อกันหลายสัปดาห์ ความสามารถในการเรียนหรือการทำงานบกพร่องลง สมาธิความจำแย่ลง ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ยากขึ้น มีความคิดทำร้ายตัวเอง ฯลฯ ซึ่งคนที่มีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ



สำหรับใครที่กำลังเครียด กังวล คิดมาก ทั้งเรื่องของปัญหา Burn Out จากการทำงาน ปัญหาความสัมพันธ์ต่างๆ ในครอบครัว คนรัก ไปจนถึงภาวะต่างๆ เช่น ซึมเศร้า ทุกปํญหาสำคัญและเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเราเสมอ


iSTRONG ยินดีให้บริการ ปรึกษาด้านสุขภาพจิตโดยผู้เชี่ยวชาญ ทั้งจากจิตแพทย์และนักจิตวิทยา ดูรายละเอียดได้ที่นี่


 

iSTRONG Mental Health

ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร


บริการของเรา

สำหรับบุคคลทั่วไป

  • บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa

  • คอร์สฝึกอบรม การเป็นนักจิตวิทยาให้คำปรึกษา : http://bit.ly/3RQfQwS

สำหรับองค์กร

โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong

 

อ้างอิง:

1. "How to Get Over a Breakup: Expert Tips and Strategies" by Psych Central: https://psychcentral.com/lib/how-to-get-over-a-breakup/

2. "Healing After Heartbreak" by Psychology Today: https://www.psychologytoday.com/us/blog/the-science-success/201903/healing-after-heartbreak

3. "How to Get Over a Breakup: 10 Tips for Moving On" by Healthline: https://www.healthline.com/health/how-to-get-over-a-breakup

4. "Moving on After a Breakup: How to Heal and Move Forward" by Huffington Post: https://www.huffpost.com/entry/moving-on-after-a-breakup-how-to-heal-and-move-forward_b_58b3d3c5e4b0bb9638e4cb09

5. "5 Steps to Healing a Broken Heart" by WebMD: https://www.webmd.com/sex-relationships/features/5-steps-to-healing-broken-heart#1


บทความที่เกี่ยวข้อง


ประวัติผู้เขียน

นางสาวนิลุบล สุขวณิช (เฟิร์น) จบการศึกษาระดับปริญญาโทในสาขาจิตวิทยาการปรึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และระดับปริญญาตรีสาขาจิตวิทยา(คลินิก) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปัจจุบันเป็นนักจิตวิทยาการปรึกษาประจำมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา และเป็นนักเขียนของ iSTRONG


facebook album post - square (1).png
1.พวกหลีกเลี่ยงความผูกพัน (2).png
บทความล่าสุด
bottom of page