top of page
GDN 980 x 120 psychiatrist.jpg

5 วิธีปลูกความสุขให้ตัวเองในวันที่รู้สึกว่างเปล่า


ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาของบทความ ผู้เขียนอยากให้คุณลองนึกถึง “ความสุข” ในแบบฉบับของคุณเองว่ามันมีหน้าตายังไง มันเป็นภาพแบบไหน และอะไรบ้างที่จะนำความสุขมาให้คุณ หลายคนอาจจะมีลิสต์ในใจว่าความสุขคือการที่ชีวิตประสบความสำเร็จ ได้ทำอาชีพที่ตัวเองรัก มีรถหรู มีบ้านหลังใหญ่ มีตำแหน่งงานที่ใหญ่โต หรืออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งเมื่อตั้งเป้าหมายความสุขไว้ว่า “ฉันจะมีความสุขได้ก็ต่อเมื่อฉันได้สิ่งที่มุ่งหวังตั้งใจ”


นั่นก็หมายถึงคุณต้องรอคอยไปจนกว่าคุณจะได้สิ่งที่ต้องการมา คุณถึงจะได้สัมผัสกับความสุข และมันหมายถึงคุณกำลังพึ่งพาความสุขภายนอก ซึ่งคนที่เป็นเช่นนั้นมักจะรู้สึกเหนื่อยกับชีวิตได้ง่ายหรือมักจะรู้สึกว่างเปล่า เพราะมันเหมือนมีบางอย่างที่ขาดหายไปและยังหาไม่เจออยู่ตลอดเวลา


ในบทความนี้จึงอยากแนะนำให้คุณลองเปลี่ยนจากการใช้ชีวิตแบบไล่ล่าตามหาความสุขจากภายนอก แล้วหันมาปลูกความสุขให้ตัวเองด้วย 5 วิธี ดังนี้


1. ฝึกสมองให้ไวต่อเรื่องทางบวกมากกว่าเรื่องทางลบ

เป็นธรรมชาติของสมองมนุษย์ที่มักจะไวต่อเรื่องทางลบและมักจะจดจำความผิดพลาดได้มากกว่าเรื่องที่ทำได้สำเร็จ เพราะโดยสัญชาตญาณแล้วมนุษย์ต้องเอาชีวิตรอดจากภัยอันตรายต่าง ๆ ซึ่งกลไกนี้มีมาตั้งแต่ยุคโบราณ และบ่อยครั้งมนุษย์ก็รอดชีวิตมาได้เพราะจดจำความผิดพลาดรวมถึงการคิดในแง่ร้าย


เช่น ครั้งที่แล้วถูกเสือกัดที่ขา ต่อมาจึงย้ำจำแต่ภาพที่ตัวเองวิ่งช้าจนถูกเสือกัดและกลัวที่จะเข้าไปในป่าตามลำพังเหมือนครั้งที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันภัยอันตรายมันไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว โลกปลอดภัยมากขึ้น ดังนั้น หากต้องการที่จะมีความสุข คุณก็ต้องฝึกสมองให้ทำงานแตกต่างไปจากความเคยชินตามธรรมชาติโดยฝึกให้สมองไวต่อเรื่องทางบวกมากกว่าเรื่องทางลบ


เช่น ทบทวนเรื่องที่อยากจะขอบคุณทุกคืนก่อนนอน เขียนสิ่งที่ทำสำเร็จในวันนั้นออกมา นึกถึงเรื่องที่ครั้งหนึ่งมันเคยทำให้คุณรู้สึกแย่แต่พอผ่านมันมาแล้วกลับทำให้คุณมีทักษะบางอย่างเพิ่มขึ้นมา


2. สร้างกัลยาณมิตรแล้วรักษาความสัมพันธ์กับพวกเขาเอาไว้

ปัจจัยหนึ่งที่เป็นตัวกำหนดระดับความสุขของมนุษย์ได้ก็คือ “ความสัมพันธ์” ซึ่งการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่มี mindset ดี ๆ หรือมีพลังบวกจะช่วยเพิ่มความสุขให้กับคุณ ตรงกันข้าม การที่คุณขัดแย้งกับคนอื่น ๆ หรือเลือกคลุกคลีกับคนที่มี mindset บิดเบี้ยวปล่อยพลังลบออกมาก็จะทำให้คุณพบเจอกับความสุขได้ยากขึ้น


อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ที่ดีก็คือความสัมพันธ์ในแบบที่เกื้อกูลกันและกัน ดังนั้น หากคุณได้พบเจอผู้คนที่ดีกับคุณ ช่วยเหลือคุณ คุณเองก็ควรเป็นกัลยาณมิตรที่เกื้อกูลพวกเขาด้วยเช่นกันเพื่อรักษาความสัมพันธ์ให้ยั่งยืน แต่หากคุณยังไม่เจอกัลยาณมิตรก็ขอแนะนำให้คุณเลือกพาตัวเองไปยังที่ที่มีโอกาสได้พบเจอกับผู้คนที่ดี


เช่น คอร์สพัฒนา spiritual หรือการปรึกษาพูดคุยกับนักจิตบำบัดก็ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการได้พบเจอกัลยาณมิตรด้วยเหมือนกัน เพราะนักจิตบำบัดจะถูกฝึกมาให้มีคุณลักษณะของกัลยาณมิตรที่เกื้อกูลผู้รับการทำจิตบำบัดและช่วยคลี่คลายความทุกข์ในใจ


3. อยู่กับปัจจุบันแล้วดื่มด่ำกับสิ่งที่คุณมีอยู่แล้วในตอนนี้

หลายครั้งคนเราก็มักจะรู้สึกว่างเปล่าซึ่งมันทำให้ไม่มีความสุข และบ่อยครั้งคนเราก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกว่างเปล่าทั้งที่ชีวิตก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น เช่น ไม่ได้มีความพิการ ไม่ได้เป็นคนไร้บ้าน ไม่ได้ตกงานขาดรายได้ สาเหตุที่แท้จริงนั้นเกิดจากการจมอยู่กับประสบการณ์ในอดีตทำให้เกิดความรู้สึกทางลบต่าง ๆ โดยเฉพาะความรู้สึกผิด ความเสียดาย ทำให้ไม่สามารถมูฟออนออกจากอดีตได้


หรือการวิตกกังวลกลัดกลุ้มเกี่ยวกับอนาคตเพราะไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง ความรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมผลลัพธ์ได้มักนำไปสู่ความวิตกกังวล(โดยใช่เหตุ) ดังนั้น คุณควรฝึกตัวเองให้สามารถโฟกัสอยู่กับช่วงเวลาในปัจจุบันและมองหาสิ่งที่คุณมีอยู่แล้วในตอนนี้ เพราะปัจจุบันเป็นเวลาเดียวที่เป็นความจริงและคุณสามารถควบคุมจัดการทุกอย่างได้


เพียงแค่ลงมือทำ โดยคุณอาจจะใช้วิธีฝึกหายใจ ทำสมาธิ ทำ body scan เพื่อให้ตัวเองสามารถโฟกัสกับปัจจุบันได้มากขึ้นซึ่งมันก็เหมือนเป็นการทำจิตบำบัดด้วยตัวเองแบบหนึ่ง


4. เน้นการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่ามากกว่าที่จะเน้นการประสบความสำเร็จ

คนที่ตั้งเป้าหมายการประสบความสำเร็จเอาไว้อย่างยิ่งใหญ่ เช่น ต้องเป็นข้าราชการระดับสูง ต้องมีเงินในบัญชีหลักล้าน ต้องชนะรางวัลระดับประเทศ ต้องซื้อบ้านหลังใหญ่ ๆ มีรถหรูขับ ในทางหนึ่งมันก็ดีที่คุณสามารถสร้างเป้าหมายชีวิตขึ้นมาเป็นแผนที่ให้คุณก้าวไปข้างหน้าได้ตามต้องการ


แต่ในอีกทางหนึ่งคุณอาจต้องทบทวนให้ดีว่าสิ่งเหล่านั้นมันคือเป้าหมายหรือมันคือเงื่อนไขของการมีความสุขกันแน่ หลายคนรู้สึกท้อแท้ว่างเปล่าหรือหดหู่เพราะมีเป้าหมายแต่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่บรรลุเป้าหมายสักที ในขณะที่การเป็นคนที่มีคุณค่านั้น ไม่ต้องรอจนถึงวันที่ประสบความสำเร็จก็มีคุณค่าได้ เพราะทุกคนมีคุณค่ามาตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว


แม้ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่สังคมคาดหวังคุณก็มีคุณค่าในตัวของคุณ หากคุณกำลังรู้สึกไม่มีคุณค่า ขอให้ดึงมันขึ้นมาด้วยการออกไปทำงานจิตอาสาหรือทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น ๆ แล้วคุณจะรับรู้ได้ว่าคุณไม่เคยไร้ค่าแม้ว่าคุณจะยังไม่ประสบความสำเร็จ


5. ดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเอง

ร่างกายที่ทรุดโทรมจะทำให้คุณรู้สึกหดหู่กับตัวเอง ดังนั้น คุณควรดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอด้วยการนอนหลับให้เพียงพอและมีคุณภาพ กินอาหารที่มีประโยชน์ เลือกการออกกำลังกายที่ตัวเองชอบแต่อย่าหักโหมมากเกินไป และดูแลสุขอนามัยของตัวเองให้มีความสะอาด

และหากคุณต้องการพัฒนาตนเอง ให้กลายเป็นที่ปรึกษาที่เข้าอกเข้าใจตนเองและผู้คนมากขึ้น เพื่อปรับใช้ในการทำงาน ครอบครัว และในชีวิตประจำวัน คุณสามารถสมัครเรียน "หลักสูตรนักให้คำปรึกษากับนักจิตวิทยา" จาก iSTRONG ได้ที่นี่



สำหรับใครที่กำลังเครียด กังวล คิดมาก ทั้งเรื่องของปัญหา Burn Out จากการทำงาน ปัญหาความสัมพันธ์ต่างๆ ในครอบครัว คนรัก ไปจนถึงภาวะต่างๆ เช่น ซึมเศร้า ทุกปํญหาสำคัญและเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเราเสมอ


iSTRONG ยินดีให้บริการ ปรึกษาด้านสุขภาพจิตโดยผู้เชี่ยวชาญ ทั้งจากจิตแพทย์และนักจิตวิทยา ดูรายละเอียดได้ที่นี่



 

iSTRONG Mental Health

ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร


บริการของเรา

สำหรับบุคคลทั่วไป

  • บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa

  • คอร์สฝึกอบรม การเป็นนักจิตวิทยาให้คำปรึกษา : http://bit.ly/3RQfQwS

สำหรับองค์กร

โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong

 

อ้างอิง


บทความที่เกี่ยวข้อง

 

ประวัติผู้เขียน

นางสาวนิลุบล สุขวณิช (เฟิร์น) ปริญญาโทสาขาจิตวิทยาการปรึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ปริญญาตรีสาขาจิตวิทยา (คลินิก) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ปัจจุบันเป็น นักจิตวิทยาการปรึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา (พ.ศ. 2555 – ปัจจุบัน)

และเป็นนักเขียนของ iSTRONG


facebook album post - square (1).png
1.พวกหลีกเลี่ยงความผูกพัน (2).png
บทความล่าสุด
bottom of page