คนเราคุยกันด้วยคำพูด แต่เข้าใจกันด้วย “ภาวะจิต” เข้าใจจิตวิทยา TA เพื่อการสื่อสารที่ลึกซึ้ง
- iStrong team
- 2 hours ago
- 2 min read

เคยไหมคะ? เวลาพูดกับใครบางคนแล้วรู้สึกว่า “อีกฝ่ายไม่เข้าใจเลย ทั้งที่เราก็พูดชัดเจน” หรือบางครั้ง แค่พูดคำเดิม ๆ แต่คนฟังก็โกรธ ทั้งที่เราไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น ในที่ทำงาน ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นทุกวัน
หัวหน้าตั้งใจสอน แต่น้ำเสียงกลับฟังเหมือนตำหนิ
ลูกน้องอธิบายเหตุผล แต่หัวหน้ารับรู้เหมือนแก้ตัว
เพื่อนร่วมงานถามด้วยความหวังดี แต่เรากลับรู้สึกว่าถูกจิก
ทุกคำพูดเหมือนมี “อะไรบางอย่าง” ซ่อนอยู่ข้างใน และสิ่งนั้น… ไม่ใช่คำพูด แต่คือ “ภาวะจิต” ที่อยู่เบื้องหลังการสื่อสาร
หลายคนคิดว่าการสื่อสารคือ “พูดให้ดี ฟังให้เข้าใจ” แต่ในความจริง การสื่อสารคือ “ภาวะจิตต่อภาวะจิต” (Ego State to Ego State) พูดง่าย ๆ คือ เราไม่ได้คุยกันแค่ด้วยปาก แต่คุยกันด้วย “ใจ” ที่อยู่ในสถานะใดสถานะหนึ่งของเรา
รู้จัก “ภาวะจิต” (Ego State) 3 แบบ จากทฤษฎี TA Transactional Analysis (TA)
ทฤษฎี Transactional Analysis (TA) อธิบายว่ามนุษย์เราทุกคนมี “ภาวะจิต” หรือ Ego State 3 รูปแบบที่สลับไปมาตลอดเวลาในการสื่อสาร
Parent State ภาวะพ่อแม่
เต็มไปด้วย “กฎเกณฑ์ ความคาดหวัง และคำสอน” เวลาเราอยู่ในโหมดนี้ เรามักพูดเหมือนกำลังอบรม สั่งสอน หรือดูแลผู้อื่น
ตัวอย่างเช่น “เธอควรทำให้ดีกว่านี้สิ” หรือ “อย่าทำแบบนั้นอีกนะ มันไม่เหมาะสม”
Child State ภาวะเด็ก
คือภาวะของ “ความรู้สึก” ความต้องการ และปฏิกิริยาแบบอารมณ์เช่น รู้สึกน้อยใจ โกรธ อยากให้คนอื่นยอมรับ หรืออยากชนะ ตัวอย่างเช่น “หนูไม่อยากทำแล้ว!” หรือ “ก็ทำดีที่สุดแล้วนี่นา!”
Adult State ภาวะผู้ใหญ่
คือ “ความมีเหตุผล สมดุล และรับฟัง”เมื่อเราอยู่ในภาวะนี้ เราจะไม่ตัดสิน ไม่ใช้อารมณ์ แต่เลือกสื่อสารด้วยสติ ตัวอย่างเช่น “ตอนนี้เรามาหาวิธีแก้ปัญหานี้ด้วยกันดีไหม”
สิ่งที่ทำให้คนไม่เข้าใจกันในชีวิตทำงาน มักเกิดจาก “เราพูดจากภาวะจิตหนึ่ง แต่เขาฟังด้วยอีกภาวะจิตหนึ่ง” เช่น หัวหน้าที่พูดจาก Parent State มักจะกระตุ้นให้ลูกน้องเข้าสู่ Child State โดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อทั้งสองฝ่ายสื่อสารกันด้วย Adult State พร้อมกันบทสนทนานั้นจะเปลี่ยนจาก “ขัดแย้ง” → “เข้าใจ” ทันที
พูดกับ “ภาวะจิต” ไม่ใช่แค่พูดกับ “คน”
สังเกตโหมดของตัวเองก่อนพูด
ก่อนจะพูดอะไร ลองเช็กใจว่า “เรากำลังอยู่ในโหมดไหน”
- ถ้ากำลังจะสั่งหรืออบรม = Parent
- ถ้ารู้สึกอยากเอาชนะหรือเถียง = Child
- ถ้ากำลังฟังและมองหาทางออก = Adult
การ “รู้ตัว” คือก้าวแรกของการสื่อสารที่ไม่ทำร้ายใจคนอื่นโดยไม่รู้ตัว
ฟังให้ลึกกว่าแค่คำพูด
- ถ้าอีกฝ่ายพูดเสียงแข็ง อาจไม่ได้แปลว่าโกรธ แต่อาจแปลว่า “กลัวจะไม่ถูกรับฟัง”
- ถ้าเขาเงียบ อาจไม่ได้ไม่สนใจ แต่อาจ “รู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะพูด”
ฟัง “ภาวะจิต” ของเขาให้เจอ แล้วตอบด้วยภาวะ Adult ที่นิ่ง อบอุ่น และมีสติ
สะท้อนความรู้สึก แทนการสอน
แทนที่จะพูดว่า “อย่าคิดแบบนั้นสิ” ลองพูดว่า “ฉันเข้าใจนะ ว่ามันทำให้เธอรู้สึกแย่” เพียงแค่เปลี่ยนประโยคแบบนี้ เราก็พาอีกฝ่ายกลับเข้าสู่ภาวะ Adult ได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่าง Case Study
Case ที่ 1 : หัวหน้าที่ไม่ตั้งใจดุ แต่ลูกน้องน้ำตาคลอ
หัวหน้าคนหนึ่งพูดเสียงเข้มเพราะอยากให้ลูกน้องรับผิดชอบมากขึ้น แต่ลูกน้องกลับรู้สึกถูกตำหนิ เพราะหัวหน้าอยู่ใน “Parent” สั่งสอน ส่วนเขาอยู่ใน “Child” รู้สึกน้อยใจ
หลังจากเรียนรู้ TA หัวหน้าคนนี้เปลี่ยนโหมดก่อนพูด เริ่มด้วย “ตอนนี้รู้สึกยังไงกับโปรเจกต์นี้บ้าง?” เป็นการถามก่อนที่จะตัดสินหรือออกคำสั่งใด ๆ ผลคือ ลูกน้องกล้าเปิดใจที่จะคุยมากขึ้น ตอบคำถามตรงประเด็น และร่วมมือมากขึ้นโดยไม่ต้องใช้อำนาจ
Case ที่ 2 : เพื่อนร่วมงานที่ทะเลาะกันทุกครั้งที่คุยเรื่องงาน
ในทุก ๆ ครั้งที่มีการประชุมระหว่างทีม จะเกิดการทะเลาะกันเสมอ เพราะจะมีคนหนึ่งพูดด้วยโหมด “Parent” (สั่ง) อีกคนตอบโต้ด้วย “Child” (ดื้อ/ประชด) สุดท้ายไม่มีใครฟังใคร จบประชุมไปแบบไม่มีคุณภาพ
เมื่อเข้าใจหลักการของ TA ทีมงานเรียนรู้ที่จะปรับเข้าภาวะทั้งหมดเข้าสู่ Adult (เป็นผู้ใหญ่ ที่มีเหตุผล) คุยกันด้วยข้อมูล ไม่ใช่อารมณ์ ทำให้ความขัดแย้งที่เคยเรื้อรัง กลับจบลงได้ภายในวันเดียว
Case ที่ 3 : HR กับการเป็น “ตัวกลาง” ระหว่างหัวหน้าและพนักงาน
HR คนหนึ่งใช้ความเข้าใจเรื่องภาวะจิตในการพูดกับทั้งสองฝ่าย กับหัวหน้า เขาใช้โหมด Adult สะท้อนข้อมูลอย่างเป็นกลาง
อธิบายอย่างมีเหตุผลให้เข้าใจ ฝั่งพนักงาน เขาใช้โหมด Child-Friendly (เป็นเด็ก แบบเฟรนลี่) คือเน้นเข้าใจความรู้สึกของพนักงานก่อนพูดถึงเหตุผล
ผลลัพธ์คือ HR ได้สามารถเปิดใจทั้งคู่ได้ และรู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา ทำให้สามารถเป็นตัวกลางในการสานสัมพันธ์ได้ตรงจุดมากขึ้น ผลลัพธ์ของความเข้าใจ ทำให้หัวหน้าและพนักงานเริ่มกลับมาฟังกันอีกครั้ง
เมื่อคุณเข้าใจ “ภาวะจิต” การสื่อสารจะลึกกว่าเดิม หลายคนคิดว่า “พูดให้ดี” คือคำตอบของการสื่อสาร แต่ในความจริง การเข้าใจ “ภาวะจิต” คือหัวใจของการ เข้าใจมนุษย์
หลักสูตร The Art of Influence โดย iSTRONG ถูกออกแบบมาเพื่อให้คุณ “เข้าใจคนจากใจจริง” ผ่านศาสตร์จิตวิทยา TA ที่จะเปลี่ยนการสื่อสารของคุณไปตลอดกาล
คุณจะได้รู้ทักษะเรื่องนี้เพิ่มเติมอย่างลึกซึ้งกับนักจิตวิทยาที่มากประสบการณ์ รวมทั้งได้ฟังเคสตัวอย่างการใช้จำนวนมาก พร้อมกิจกรรมการฝึกปฏิบัติในคลาสที่เหมาะสำหรับที่ทำงาน ชีวิตประจำวัน ครอบครัว และสถานการณ์ที่หลากหลาย
ประโยชน์ต่อตนเอง
เข้าใจอารมณ์และภาวะจิตของตัวเองอย่างลึกซึ้ง
สื่อสารได้ตรงใจมากขึ้น โดยไม่ต้องพยายามควบคุมใคร
มีความมั่นใจในการพูด และเข้าใจจังหวะของบทสนทนา
ประโยชน์การทำงาน
ลดความเข้าใจผิดในทีม สื่อสารอย่างสร้างสรรค์
กลายเป็นคนที่คนรอบข้าง “อยากพูดด้วย” เพราะรู้สึกปลอดภัย
เพิ่มความสามารถในการบริหารความขัดแย้งในที่ทำงาน
ประโยชน์ต่อองค์กร
พัฒนา “วัฒนธรรมแห่งความเข้าใจ” ในองค์กร
ลดความตึงเครียดในทีม เพิ่มความร่วมมือและความไว้ใจ
สร้างผู้นำและทีมที่สื่อสารกันได้อย่างมีความหมาย
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong
