เป็นโสดแบบอยู่ในโหมดมีความสุข 5 เทคนิคดูแลสุขภาพใจสไตล์คนโสด
- Chanthama Changsalak
- 1 day ago
- 2 min read

“โสดแล้วงานเยอะ” ประโยคไวรัลที่สุดจะฮอตฮิตนี้ แสดงให้เห็นว่า คนไทยที่อยู่ในสถานะโสด ไม่ค่อยอยู่ในโหมดมีความสุข เพราะนอกจากจะเหงาแล้วยังต้องแบกรับภาระงาน และแบกรับภาระค่าใช้จ่ายโดยลำพังอีกต่างหาก
ซึ่งประโยค “โสดแล้วงานเยอะ” นั้น ไม่ใช่อุปาทานสำหรับคนโสด แต่จากงานวิจัยทางจิตวิทยาทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศต่างก็พบว่า การเป็นคนโสด มีความสัมพันธ์กับความเหงา (Loneliness) และตัวชี้วัดสุขภาพจิตเชิงลบ เช่น ภาวะซึมเศร้า ความเครียด และคุณภาพชีวิตที่ลดลง
จึงทำให้คนโสดมักจะทุ่มเทเวลาให้กับงาน มากกว่าทุ่มเทเวลาให้กับตนเองเพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกเหงา นั่นจึงอาจเป็นผลให้งานวิจัยทางจิตวิทยา ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา พบข้อมูลสนับสนุนว่า คนโสดมีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มขึ้น มากกว่าคนที่มีคู่ นอกจากนี้ ยังพบว่า ผู้ที่อยู่เป็นโสดจนเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ จะมีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิตและอัตราการตายสูงขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ เมื่อมาดูถึงแนวโน้ม “คนโสด” ของประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2565 – 2568 พบว่า ประเทศไทยมีคนที่อาศัยอยู่ตามลำพัง มากถึง 7 ล้านครัวเรือน คิดเป็น 26.10% ของจำนวนครัวเรือนทั่วประเทศ ซึ่งจำนวนนี้เพิ่มขึ้นจากรอบ 10 ปีก่อนหน้าอย่างมาก
อีกทั้งตั้งแต่ยุค Covid – 19 (พ.ศ. 2563) เป็นต้นมา ข้อมูลเชิงสถิติชี้ให้เห็นว่า คนไทยแต่งงานช้าลงมาก คู่ที่แต่งงานก็มีลูกน้อยลง และมีแนวโน้มที่จะอยู่เป็นโสดจนสูงวัยเพิ่มมากขึ้น นั่นหมายความว่าปัจจุบันนี้ ประเทศไทยมีคนโสดมากถึง 25% ของประชากรทั้งประเทศ และในอนาคตอาจเพิ่มมากถึง 50% ของประเทศ
ดังนั้นแล้วโจทย์ที่ว่า “เป็นโสดแบบอยู่ในโหมดมีความสุข” จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายของวงการจิตวิทยาไทย เพราะคนโสดนอกจากจะ “โสดแล้วงานเยอะ” แล้ว คนโสดต้องอยู่ในโหมดมีความสุขด้วย โดยในบทความจิตวิทยานี้มีเทคนิคดูแลสุขภาพใจสไตล์คนโสด มาฝากกัน ดังนี้ค่ะ
ใช้ชีวิตให้มีความหมาย (Meaningful Life)
เทคนิคดูแลสุขภาพใจสไตล์คนโสด เทคนิคแรก คือ การใช้ชีวิตให้มีความหมาย โดยงานวิจัยทางจิตวิทยา พบว่า “ความสุขที่ยั่งยืน” เกิดจาก PERMA Model ประกอบด้วย
Positive Emotion (อารมณ์เชิงบวก)
ถึงแม้ว่า “โสดแล้วงานเยอะ” แต่ก็ต้องดูแลอารมณ์ของตนเองให้ดีอยู่เสมอ ผ่านการฝึกขอบคุณ โดยนักจิตวิทยาแนะนำให้เริ่มจากเทคนิคเขียนบันทึกสิ่งที่รู้สึกขอบคุณ (Gratitude journal) เช่น ขอบคุณตัวเองที่ผ่านความยากลำบากมาได้ ขอบคุณคุณแม่ที่สนับสนุนเป็นอย่างดี ขอบคุณเพื่อนสนิทที่ไปทานข้าวด้วยกัน เป็นต้น ซึ่งเป็นการฝึกใส่ใจความสุขเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวัน (Savoring)
Engagement (การมีส่วนร่วม)
หมายถึง การจดจ่อ มีสมาธิ และ “อิน” กับสิ่งที่ทำจนลืมเวลา (flow state) เช่น การเล่นดนตรี วาดภาพ ทำงานวิจัย หรือออกกำลังกาย โดยเลือกทำงาน หรือกิจกรรมที่เหมาะสมกับทักษะและความสนใจของตนเอง เพื่อสร้างประสบการณ์ “เต็มที่กับปัจจุบัน” อยู่กับปัจจุบัน มีความสุขกับปัจจุบันขณะค่ะ
Relationships (ความสัมพันธ์ที่ดี)
แม้จะอยู่เป็นโสด แต่ก็ต้องอยู่ในโหมดนางงามมิตรภาพนะคะ เพราะถึงเราจะโสด จะอินโทรเวิร์ทอย่างไร เราก็ต้องใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคม ดังนั้นการสร้างความสัมพันธ์เชิงบวกกับผู้อื่นจึงเป็นเทคนิคดูแลสุขภาพใจสไตล์คนโสดที่สำคัญค่ะ เนื่องจากคนที่มีเครือข่ายทางสังคมที่ดี มักมีสุขภาพกายและใจดีกว่าคนที่ขาดความสัมพันธ์ค่ะ
Meaning (ความหมายของชีวิต)
การใช้ชีวิตที่รู้สึกว่ามี “เป้าหมาย” และเชื่อมโยงกับสิ่งที่ใหญ่กว่าตัวเอง เช่น ครอบครัว สังคม อุดมการณ์ส่วนตัว ย่อมทำให้ชีวิตมีความหมาย โดยผู้ที่มีความหมายในชีวิตจะมีความยืดหยุ่นทางจิตใจ (resilience) สูงกว่าเมื่อเผชิญปัญหาหรืออุปสรรคค่ะ
Accomplishment (ความสำเร็จ ความภาคภูมิใจ)
การได้บรรลุเป้าหมายทั้งเล็กและใหญ่ในชีวิต เช่น การเรียนจบ การออกกำลังกายสำเร็จ การพัฒนาทักษะใหม่ ย่อมทำให้เราเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจและมีไฟ มีแรงจูงใจในการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
โดย PERMA Model นี้จะช่วยให้คนโสดสามารถดูแลสุขภาพใจสไตล์คนโสดได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนค่ะ
มีอิสระในการเลือกใช้ชีวิต (Autonomy)
ผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยา อธิบายว่า มนุษย์ต้องการ 3 สิ่งพื้นฐานเพื่อความสุขและแรงจูงใจที่ยั่งยืน ได้แก่ Autonomy (การมีอิสระในการเลือก) Competence (ความสามารถ) และ Relatedness (การมีความสัมพันธ์กับผู้อื่น) โดยคนโสดที่สามารถเลือกทางเดินชีวิตตนเองได้ เช่น เลือกอาชีพ บริหารการใช้จ่ายของตนเอง วางแผนการเดินทาง มีเวลาสำหรับการพักผ่อน
จะช่วยเสริมความรู้สึกควบคุมชีวิต (Sense of agency) และลดความเครียดจากแรงกดดันสังคม อีกทั้งยังช่วยลดการเปรียบเทียบผู้ที่มี่ครอบครัว เนื่องจากมีมุมมองว่า “โสด” เป็น “การเลือกทางเดินในชีวิต” ไม่ใช่ “จุดด่างพร้อยในชีวิต” แต่อย่างใด
สร้างเครือข่ายทางสังคมที่มีคุณภาพ (Social Connections)
การสร้างเครือข่ายทางสังคมที่มีคุณภาพ เป็นอีกหนึ่ง “หัวใจ” ของการดูแลสุขภาพใจสไตล์คนโสดโดยงานวิจัยทางจิตวิทยาสังคม พบว่า ความสัมพันธ์เชิงบวกกับผู้อื่น มีผลเชิงบวกต่อสุขภาพกายและใจในระยะยาว ดังนั้นคนโสดที่มีเครือข่ายทางสังคมที่ดี จึงมีระดับความสุข ความมั่นคงทางอารมณ์ และความพึงพอใจในชีวิตสูงกว่าคนที่แยกตัวออกจากสังคม
ซึ่งคนโสดสามารถสร้างและดูแลเครือข่ายทางสังคมที่มีคุณภาพได้โดยการลงทุนเวลาในความสัมพันธ์ที่มีอยู่แล้ว เช่น โทรหาเพื่อนหรือครอบครัวเป็นประจำ นัดพบปะกับกลุ่มเพื่อนสนิท การทำกิจกรรมร่วมกันกับที่มีความชอบเดียวกัน เป็นต้น หรือการสร้าง “Chosen Family” (ครอบครัวที่เลือกเอง) เช่น เพื่อนสนิท กลุ่มงานอดิเรก หรือชุมชนออนไลน์ที่มีค่านิยมเดียวกัน
รวมถึงการมีส่วนร่วมในกิจกรรมสาธารณะ เพื่อลดความรู้สึกโดดเดี่ยว (Loneliness) และลดการแยกตัวจากสังคม (Social isolation)
การดูแลสุขภาพกายและใจอยู่เสมอ
การออกกำลังกาย การทำสมาธิ หรือการฝึกสติ (Mindfulness) มีผลเชิงบวกต่อสุขภาพจิตของคนโสด โดยช่วยลดความวิตกกังวลและเพิ่มความมั่นใจในตนเอง การให้เวลาอยู่กับตัวเองอย่างมีคุณภาพ เช่น การทำอาหาร การวาดรูป การปลูกต้นไม้ หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ จะช่วยให้จิตใจผ่องใส และนิ่งสงบ พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงรอบข้าง
อีกทั้งการฝึกเมตตาต่อตนเอง (Self-Compassion) เช่น การพูดกับตัวเองอย่างอ่อนโยน เหมือนที่เราพูดกับเพื่อนที่กำลังลำบาก เราจะสามารถลดการวิจารณ์ตัวเอง และมีความเห็นอกเห็นใจตนเองมากยิ่งขึ้น
มองความ “โสด” เป็นโอกาส
การที่คนโสดมีมุมมองสถานภาพของตนเป็น “ทางเลือก” ไม่ใช่ “ความขาด” จะมีระดับความพึงพอใจในชีวิตสูงขึ้น เนื่องจากคนโสดจะมีอิสระในการจัดสรรเวลา วางแผนชีวิต และเลือกกิจกรรมได้ตามต้องการ เช่น เรียนต่อ ทำงานเสริม ออกกำลังกาย หรือท่องเที่ยว
อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้รู้จักคุณค่าของตนเองว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร และตั้งเป้าหมายชีวิตที่ไม่ขึ้นกับใคร และหากคนโสดมีการเรียนรู้ที่จะอยู่กับตนเองอย่างมีความสุข จะทำให้คุณมีภูมิคุ้มกันทางใจแข็งแรงขึ้นเมื่อเข้าสู่ความสัมพันธ์ในอนาคต
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นว่าคนโสดที่มีความสุขจะมีความมั่นใจ และมีความสามารถในการจัดการความเครียดที่ดีกว่าคนโสดที่รู้สึกโดดเดี่ยว สามารถพัฒนาตนเองได้มากขึ้น สามารถตัดสินใจเรื่องชีวิต การงาน และการเงินได้อย่างเป็นอิสระ ซึ่งช่วยสร้างความรู้สึกควบคุมชีวิต (Self-agency) ได้สูงขึ้น แม้จะ “โสดแล้วงานเยอะ” ก็ตาม
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong
บทความแนะนำ
อ้างอิง
Morales-Rodríguez, F. M., Pérez-Mármol, J. M., & Brown, T. (2019).
Education burnout and engagement in occupational therapy undergraduate students and its associated factors. Frontiers in Psychology, 10, Article 2889.
National Statistical Office of Thailand. (2022).
Statistical Yearbook of Thailand 2022 (Households and population statistics).
Office of the National Economic and Social Development Council (NESDC). (2023).
Thailand Social's Outlook Q3/2023 (summary).
Pengpid, S., Peltzer, K., & Anantanasuwong, D. (2024).
Longitudinal associations between living alone, childlessness and mental health and mortality in ageing adults in Thailand. Global Transitions, 6(3), 145–151.
Ruengorn, C., et al. (2022).
Psychological resilience and adverse mental health during the COVID-19 pandemic in Thailand. International Journal of Environmental Research and Public Health, 19(20), 13023. https://doi.org/10.3390/ijerph192013023
Seligman, M. E. P. (2011).
Flourish: A visionary new understanding of happiness and well-being. Free Press.
World Health Organization (WHO) — Southeast Asia. (2023).
Thailand’s leadership and innovation towards healthy ageing. Retrieved from https://www.who.int/southeastasia/news/feature-stories/detail/thailands-leadership-and-innovation-towards-healthy-ageing
ประวัติผู้เขียน
จันทมา ช่างสลัก บัณฑิตจิตวิทยาคลินิกจากรั้ว มช. และมหาบัณฑิตจาก NIDA ปัจจุบันเป็นคุณแม่ลูก 1 ผู้เป็นทาสแมว ที่มุ่งมั่นจะพัฒนาการเขียนบทความจิตวิทยาให้โดนใจผู้อ่าน และสร้างแรงกระเพื่อมทางสังคม ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกบนโลกใบนี้
